“มูลนิธิปวีณา” รุดช่วย “อดีตพริตตี้สาว” ป่วยขาไร้เรี่ยวแรง ซูบผอม หลังปวดท้อง แล้วผ่าตัดถุงน้ำดีที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ซ้ำไม่มีคนดูแล พ่อแม่เสียชีวิตด้วยมะเร็ง หวังกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ
นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมทีมงาน ลงพื้นที่ย่านบางขุนเทียน กทม. ไปเยี่ยมและช่วยเหลือพาไปรักษา ประภัสสร ปากชำนิ หรือ นิดหน่อย อายุ 31 ปี อดีตพริตตี้สาว ที่ป่วยไม่ทราบสาเหตุ ผอมโซเหลือแต่กระดูก จากน้ำหนัก 45 กก. ในระยะเวลาไม่นานน้ำหนักลดลงไปถึง 10 กก. ขาซ้ายมีอาการชาและลีบเดินไม่ได้ ต้องใช้ไม้ค้ำช่วยพยุงเวลาเดิน
จากการลงพื้นที่พบว่า นางสาวนิดหน่อย อาศัยอยู่เพียงลำพังเพราะพ่อกับแม่เสียชีวิตไปแล้ว ไม่มีเงินซื้ออาหารบางครั้งต้องกินอาหารที่เหลือเก็บไว้นาน ซึ่งจากการตรวจสอบสภาพบ้านข้าวของกระจัดกระจายเต็มพื้นที่
ระหว่างที่นางปวีณา พูดคุยสอบถามอาการและความเป็นอยู่ ผู้สื่อข่าวสังเกตุเห็นว่าน้องนิดหน่อยมีอาการหอบเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัด ซึ่ง หลังจากนี้จะพานางสาวนิดหน่อยส่งตรวจร่างกายหาสาเหตุของอาการป่วยและเข้ารักษาที่โรงพยาบาลยันฮี
นายพิริยะ คล้อยคล้าย อายุ 49 ปี รุ่นพี่ของอดีตพริตตี้ บอกว่า ตนเองรู้จักกับน้องนิดหน่อยมานานกว่า 10 ปี ตอนนั้นร่างกายน้องยังทำงานได้ตามปกติ หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยได้พูดคุยกันอีก กระทั่งเมื่อช่วงกลางปี 66 น้องเขาได้ติดต่อขอความช่วยเหลือทั้งเรื่องเงินและอาหาร จึงพาเพื่อนเดินทางมาที่บ้าน ก็พบว่าน้องช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แล้ว กลายเป็นผู้ป่วยขาไร้เรี่ยวแรง ซูบผอม
จากการสอบถามอาการน้องทราบว่าหลังจากที่เข้าผ่าตัดถุงน้ำดีที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ก็เริ่มมีอาการป่วย ซึ่งก็ได้ไปหาหมอแต่หมอก็ไม่สามารถระบุได้ว่าป่วยเป็นโรคอะไรถึงมีอาการแบบนี้ นอกจากนี้ยังทราบอีกว่าที่ผ่านมาน้องพยายามขับรถยนต์เพื่อเดินทาง ไปโรงพยาบาลด้วยตัวเองบางครั้งก็เกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง
ส่วนญาติของน้องตนทราบแค่ว่ามีพี่สาวของน้องอาศัยอยู่ในซอยหมู่บ้านเดียวกัน แต่น้องบอกว่ามีปัญหากันภายในครอบครัวจึงไม่ได้มาดูแล เมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมาตนเองเข้ามาดูสภาพความเป็นอยู่ของน้องอีกครั้ง รู้สึกสงสารจึงได้ขอความช่วยเหลือไปยังมูลนิธิปวีณา อยากให้พาน้องไปรักษาอาการป่วย เพราะตอนนี้น้องช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และไม่รู้ว่าตัวเองป่วยเป็นอะไร อีกทั้งไม่มีรายได้มาเลี้ยงชีพอีกด้วย
นางสาวประภัสสร เล่าว่า ตนเองอยู่คนเดียวมาประมาณ 1 ปีแล้ว เพราะพ่อแม่และปู่ที่เคยอยู่ด้วยเสียชีวิตในเวลาใกล้เคียงกัน เนื่องจากป่วยเป็นโรคมะเร็งทั้งสามคน ทำให้ตนเองต้องอาศัยอยู่ที่บ้านคนเดียว ซึ่งตนเรียนจบระดับปริญญาตรีสาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ และหลังจากเรียนจบก็ไปทำงานเป็นพริตตี้ในสถานบันเทิงย่านทองหล่อ เพราะรายได้ดีเดือนละ 50,000-60,000 บาท จะได้เอาไปรักษาพ่อแม่และปู่ที่ตอนนั้นมีอาการป่วย
จากนั้นเมื่อช่วงกลางปี 66 ตนเองเริ่มจากการปวดท้องบ่อย ๆ จึงไปโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หมอไม่ได้วินิจฉัยว่าเป็นโรคอะไร แต่ได้ผ่าตัดถุงน้ำดีให้ หลังผ่าตัดมารักษาที่บ้านก็มีอาการขาชา เดินไม่ได้ ร่างกายซูบผอม ไร้เรี่ยวแรง แต่แขนยังมีแรงอยู่ ประกอบกับสูญเสียครอบครัวด้วยโรคมะเร็ง ตนเองเหลือพี่สาว 1 คน แต่ก็ไม่ค่อยมาดูแล ส่วนอาหารการกินก็มีเพื่อนแวะเวียนซื้อข้าวมาให้บ้าน
ซึ่งที่ผ่านมาใช้ชีวิตอยู่คนเดียว พยายามขับรถไปหาหมอคนเดียว / วันนี้ก็รู้สึกดีใจที่ทางมูลนิธิปวีณาฯ เข้ามาให้การช่วยเหลือ ตนเองหวังอยากจะกลับมาทำงานได้ปกติ ตนเองก็เรียนจบระดับปริญญาตรี สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ จึงอยากจะกลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม
ด้านนางปวีณา กล่าวว่า วันนี้ตนเองมาเยี่ยมน้องที่บ้าน เห็นแล้วก็รู้สึกสงสารมาก เพราะขาลีบ ไม่มีแรง ซึ่งก็มองว่าเป็นอาการแปลก ที่อยู่ดี ๆ ขาลีบ ผอม ไร้เรี่ยวแรง โดยไม่ทราบสาเหตุ และน้องยังหายใจลำบากด้วย อีกทั้งทราบว่าน้องอาศัยอยู่คนเดียว พอได้รับเรื่องจึงได้ประสานกับคุณหมอ ที่ รพ.ยันฮี บ่ายวันนี้จะพาเข้าแอดมิทให้คุณหมอ ตรวจร่างกายโดยละเอียดว่าเป็นโรคอะไร คงต้องหาสาเหตุให้เจอ
หลังจากนี้นางสาวประภัสสร จะอยู่ในความดูแล ของทีมแพทย์โรงพยาบาลยันฮี เพื่อตรวจประเมินอาหารต่าง ๆ โดยละเอียด และตรวจว่า น.ส.ประภัสสร ป่วยด้วยโรคอะไร และสาเหตุใดจึงทำให้ขาลีบ ซูบผอม ไร้เรี่ยวแรง หลังจากผ่าตัดถุงน้ำดีไป