วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2567 นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เปิดเผยถึงกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ หักพาล รอง.ผบ.ตร. ถูกร้องทุกข์กล่าวโทษ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีเว็บพนันออนไลน์มินนี่ ยอมรับว่า ตนกับบิ๊กโจ๊กสนิทกัน แต่ครั้งนี้รู้สึกว่าหนักใจแทน เพราะก่อนหน้านี้เคยพูดคุยกับอยู่บ่อยครั้ง และหลังจากมีเรื่องก็ไม่ได้พูดคุยกันอีก หลังจากทราบว่าทางพนักงานสอบสวนมีการนำเสนอเรื่องพยานหลักฐานที่มีความชัดเจนเรื่องเส้นทางการเงินจากเว็บพนันไปสู่ลูกน้อง และลูกน้องนำไปใช้จ่ายภายในครอบครัว ก่อนจะส่งสำนวนไปยัง สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.
ซึ่งความเห็นส่วนตัวคิดว่าบิ๊กโจ๊กอยากให้ ป.ป.ช.ดำเนินการในเรื่องสำนวนนี้ เนื่องจาก ป.ป.ช. ใช้เวลาในการพิจารณาเป็นเวลานาน เพราะเมื่อสำนวนไปอยู่ในมือของตำรวจจะส่งผลในเรื่องของระยะเวลาที่ทำให้การพิจรณารวดเร็วจนมีผลทางคดี ซึ่งจะส่งผลให้บิ๊กโจ๊กไม่มีเวลาหายใจ
ส่วนเรื่องเส้นทางการเงินจากเว็บพนันไปสู่ลูกน้อง และลูกน้องนำไปใช้จ่ายภายในครอบครัวนั้น ถึงแม้ว่า บิ๊กโจ๊กจะอ้างว่าไม่เกี่ยวข้องกับตนเอง เนื่องจากตนเองได้นำเงินส่วนตัวไปให้ลูกน้องเพื่อใช้จ่าย ซึ่งตรงนี้ต้องมีการชี้แจงอย่างระเอียดเพื่อแสดงความบริสุทธิ์
ทนายตั้ม เผยอีกว่า ยอมรับว่าตกใจ ซึ่งก่อนหน้านี้บิ๊กโจ๊กยืนยันว่าไม่เคยเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ แต่หลังจากนี้ที่มี ชื่อมินนี่ เข้าไปเกี่ยวข้องเนื่องจากส่วนตัวเคยพบกับมินนี่ในงานเลี้ยง และมีการแนะนำว่า มีธุระกิจในประเทศลาว ก็รู้สึกตกใจ
ส่วนจะใหัคำปรึกษากับบิ๊กโจ๊กหรือไม่ ทนายตั้มคิดว่าหลังจากที่คอมเมนต์ไป บิ๊กโจ๊กคงไม่สบายใจ และไม่ใช่ไม่อยากรับทำคดีนี้ แต่เพราะบิ๊กโจ๊กมีทนายความส่วนตัวอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องให้ตนเองเข้าไปให้คำปรึกษา แต่ยอมรับว่าศึกครั้งนี้เป็นศึกที่หนักหนา เนื่องจากเกี่ยวกับเส้นทางการเงิน ที่เป็นพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งไม่สามรถไปเปลี่ยนแปลงได้ อีกทั้งพนักงานสอบสวนยังมีการรวบรวมหลักฐานเป็นเวลานาน จึงมั่นใจว่าสามารถเอาผิดกับ บิ๊กโจ๊กได้
แต่หากไม่สามารถดำเนินคดีบิ๊กโจ๊กในครั้งนี้ได้ ครั้งหน้าก็อาจจะทำให้ชุดทำคดีได้รับผลกระทบไป ตนจึงไม่อยากยุ่งเรื่องนี้ และต้องใช้คำว่า “ปาดเหงื่อ” แต่ก็ไม่สามารถประมาทบิ๊กโจ๊กได้ เพราะทุกครั้งที่ผ่านมาก็สามารถรอดมาได้ทุกครั้ง ส่วนจะเป็นแมว 10 ชีวิตหรือไม่ ขอไม่ออกความคิดเห็น