คัดลอก URL แล้ว
ผบ.ตร.ยึดกม.หาก “บิ๊กโจ๊ก” โยงเว็บพนันปัดกลั่นแกล้ง

ผบ.ตร.ยึดกม.หาก “บิ๊กโจ๊ก” โยงเว็บพนันปัดกลั่นแกล้ง

วันนี้ (21 ก.พ.67) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงคดีที่เว็บพนันออนไลน์ที่มินนี่ และมีความเชื่อมโยงไปถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่า ตนได้มอบหมายให้ พล.ต.อ. ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นผู้ดูแลคดีนี้

ซึ่งพล.ต.อ.ธนา เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบตั้งแต่ในยุคของพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งตนยังไม่ได้รับการรายงานความคืบหน้าคดีเข้ามา เห็นผ่านทางสื่อออนไลน์เท่านั้น ตนได้รับมาเพียงแค่หนังสือขอความคุ้มครองจากทางสำนักอัยการเท่านั้น ซึ่งตนได้ชี้แจง และส่งตำรวจสันติบาล ไปคอยดูแลรักษาความปลอดภัย รวมทั้งยังให้ จเรตำรวจแห่งชาติ ไปดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย

เมื่อถามว่าเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นรอยร้าวในสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่นั้น พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ ระบุว่า ปัญหาความขัดแย้งส่วนตัวมีมาทุกยุคทุกสมัย แต่ทุกคนต้องพูดคุยสื่อสารกัน และอยู่กันแบบเป็นพี่น้องมาโดยตลอด ถ้าเป็นเรื่องทางคดีก็ให้ทาง ป.ป.ช. เป็นผู้ชี้ผิดไป

ส่วนตนในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชา ก็ได้มีการพูดคุยกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ยืนยันว่าไม่มีความขัดแย้งภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถ้าจะมีก็เป็นแค่เรื่องส่วนตัว ที่จะไม่พอใจ เพราะยังไงตำรวจก็ต้องทำงานเพื่อประชาชนอยู่แล้ว

ผบ.ตร.ชี้แจงกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เคยให้สัมภาษณ์ออกแนวตัดพ้อว่า ตนไม่ได้ดูแลกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บช.สอท. หรือไซเบอร์ ว่า ตนได้กระจายงานตามหน้างานความรับผิดชอบของแต่ละองค์กร พร้อมกับตั้งคำถามว่า ไซเบอร์ต้องอยู่กับความมั่นคงหรือไม่ เพราะทุกหน่วยงานก็เกี่ยวข้องกับความมั่นคงหมด เช่น กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ก็คงให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นผู้ดูแล

และพล.ต.อ.​สุรเชษฐ์ ก็เป็นคนขอเลือกดูแลเรื่องความมั่นคงเอง พร้อมกับยุติการดูแลกลุ่มงานสืบสวนสอบสวน และที่สังคมมองว่าพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกอาการน้อยใจนั้น ผบ.ตร.เห็นว่าๅปกติก็เป็นคนพูดจาทำนองนี้ แต่เวลาที่มาคุยกับตนก็ปกติ ไม่ได้มีอาการแบบนี้

ส่วนที่หลายคนมองว่าเป็นการดิสเครดิตกัน ตนก็ไม่อยากให้มองแบบนั้น เพราะตนก็เคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ซึ่งความจริงก็คือความจริง ถ้าสังคมยังมองว่าการดิสเครดิต หรือตัดแข้งตัดขาพยายามใส่ร้ายกันเองภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผลเสียจะตกอยู่กับประชาชน และขอยืนยันว่าไม่มีการดิสเครดิตอย่างแน่นอน ทุกสิ่งทุกอย่างว่ากันไปตามพยานหลักฐาน จะปั้นแต่งอย่างไรก็สามารถพิสูจน์ได้

แต่ถ้า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ผิดจริง ก็ต้องยอมรับผิด แต่ถ้าไม่ผิด คณะพนักงานสอบสวนก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ว่าใช้หลักฐานเท็จในการแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดสามารถตรวจสอบได้ โดย ปปช.จะเป็นผู้ตรวจสอบชี้มูลความผิด ส่วนเรื่องที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า มีตำรวจยศนายพัน โทรศัพท์มาหาลูกน้องของตนที่ตกเป็นผู้ต้องหา ให้กลับคำให้การนั้น ระบุว่า ยังอยู่ระหว่างรอรับการรายงานจากชุดทำงาน แต่ถ้าหากมีการโทรศัพท์พูดคุยกันจริง ก็สามารถตรวจสอบได้


ข่าวที่เกี่ยวข้อง