วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี แฮกเกอร์ต่างประเทศประกาศขายข้อมูลในเว็บไซต์ อ้างเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้จากกรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นำใช้ในทางมิชอบ ว่า กรณีที่ผู้ไม่หวังดีเข้ามาเจาะฐานข้อมูลของ ผส. และได้ข้อมูลไปจำนวนหนึ่ง แต่เท่าที่ตรวจสอบพบว่า ไม่ได้จำนวนมากเท่าที่เป็นข่าว
นายวราวุธ กล่าวต่อไปว่า ตนเองในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. ต้องกราบขออภัยต่อผู้สูงอายุและขอโทษประชาชนทุกคนที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น จากที่ผ่านมา กระทรวง พม. เข้าใจว่าระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ของกระทรวงนั้นมีเพียงพอ คือไม่ใช่ว่าไม่มี และเข้าใจว่าเพียงพอ แต่พอเกิดการพัฒนาทางเทคโนโลยีมากขึ้น ๆ วันนี้ทำให้เราต้องกลับมาเพิ่มมาตรการให้มีความเข้มงวด ให้เข้มแข็งมากขึ้น ในการป้องกันฐานข้อมูลของพวกเรา
นายวราวุธ กล่าวต่ออีกว่า หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว กระทรวง พม. โดย ผส. ได้ดำเนินการแจ้งความกับทางกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์แล้ว และได้ประสานงานขอให้ตรวจสอบว่าข้อมูลถูกนำไปใช้ในทางใดบ้าง และเร่งสืบหาให้ถึงตัวการที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น
นายวราวุธ กล่าวต่อไปอีกว่า พร้อมกับได้มีการประชุมหารือ เพื่อหามาตรการรับมือในการป้องกันภัยไซเบอร์ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวง พม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงภาคเอกชน ซึ่งตนได้ใช้โอกาสนี้ ขอให้ปลัดกระทรวง พม. (นายอนุกูล ปีดแก้ว) ย้ำไปที่ทุกกรมและหน่วยงานภายใต้การดูแลของกระทรวง พม. ให้กลับไปทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ของแต่ละหน่วยงานนั้น มีความปลอดภัย เข้มงวด และแน่นหนาแค่ไหนเพียงใด โดยจะเร่งดำเนินการและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก
นายวราวุธ กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนกรณีรายชื่อที่หลุดออกไปแล้ว ขอความกรุณาพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุ ขอให้ระวังภัยทางไซเบอร์อีกส่วนหนึ่งก่อน เพราะมีผู้ไม่หวังดี มีคอลเซ็นเตอร์ มิจฉาชีพมากมาย ที่จะมาหาประโยชน์จากผู้สูงอายุ
ซึ่งกระทรวง พม. มีโครงการต่าง ๆ เพื่อให้ความรู้กับผู้สูงอายุประกอบไปด้วย แต่ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้น ขอความกรุณารีบโทรแจ้ง ฮอตไลน์ โทร 1300 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง มายังศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน หรือ ศรส. ซึ่งเราจะได้เร่งประสานงานช่วยเหลือโดยทันที
