คัดลอก URL แล้ว
“โฆษก ก.เกษตรฯ” แจง! เหตุเพลิงไหม้ก.เกษตรฯ อย่าโยงประเด็นการเมือง

“โฆษก ก.เกษตรฯ” แจง! เหตุเพลิงไหม้ก.เกษตรฯ อย่าโยงประเด็นการเมือง

วันที่่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฝ่ายการเมือง) กล่าวถึงกรณีเหตุเพลิงไหม้ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) ว่า วันนี้ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าตรวจพื้นที่จุดเกิดเหตุเพลิงไหม้ โดยได้รับการอนุญาตจากกองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อเข้าไปเก็บของและสำรวจความเสียหาย ตลอดจนดูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายเพื่อวางแผนในการปรับปรุง

หลังจากที่กองพิสูจน์หลักฐานได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายเป็นที่เสร็จสิ้นแล้ว เบื้องต้น พบความเสียหายบริเวณห้องครัวได้รับความเสียหายหนักสุด และคาดการณ์ว่า น่าจะเป็นจุดต้นเพลิง เนื่องจากบริเวณจุดนี้มีเครื่องใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก และยังมีร่องรอยการเผาไหม้ที่เกิดขึ้น สันนิษฐานว่าต้นเพลิงจากห้องครัวทำให้เปลวไฟได้ลุกลามติดผ้าม่านวอลล์เปเปอร์ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เปลวไฟทวีความรุนแรงและได้รับความเสียหายอย่างหนัก

ซึ่งทางรมว.ว่าการฯ สั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจพื้นที่ทันทีเพื่อสำรวจความเสียหาย และวางแผนปรับปรุงห้องใหม่ทั้งโซน เพื่อซ่อมแซมทั้งโครงสร้าง พื้นเพดานใหม่ทั้งหมดเพื่อความปลอดภัย และให้ใช้พื้นที่ “กรมชลประทาน” เป็นที่ทำงานชั่วคราวของท่านรัฐมนตรีไชยา ในระหว่างรอการปรับปรุงพื้นที่ ขณะที่ รมช.ไชยา กล่าวว่า สิ่งของภายในห้องทำงานของตนไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด ทุกอย่างอยู่ครบตามปกติ มีเพียงแค่พื้นชุ่มฉ่ำเปียกน้ำ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ใช้น้ำฉีดสกัดเพลิงตอนเกิดเหตุ จึงกลายเป็นน้ำท่วมขังอยู่ในห้อง วันนี้ตนมาดูห้องจึงได้นำของที่สำคัญ และเอกสารในการทำงานออกมาเพื่อปฎิบัติหน้าที่ต่อในพื้นที่ทำงานชั่วคราว ที่กรมชลประทาน และยืนยันว่าไม่ได้เป็นอุปสรรคในการปฎิบัติหน้าที่ ยังคงเดินหน้าทำงานต่อตามปกติ

ส่วนกรณีที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล ออกมาเรียกร้องให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด โฆษกเกษตรฯ กล่าวว่า อยู่ในดุลพินิจของทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้รวบรวมเอกสารข้อมูลไว้หมดแล้ว ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการตามกฏหมาย ตามประจักษ์พยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ เน้นย้ำไม่ควรเอาประเด็นทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความสับสน ซึ่งในการทำสำนวนคดีของทางเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ไม่ควรเข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่ หรือการสร้างภาวะความกดดันใดๆ กับผู้ปฏิบัติงานตามกฏหมาย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ได้เก็บชิ้นส่วนเป็นสายไฟในที่เกิดเหตุซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นต้นเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ ซึ่งต้องรอสรุปผลของกองพิสูจน์หลักฐานต่อไป


ข่าวที่เกี่ยวข้อง