คัดลอก URL แล้ว
“ไม่อยากฟังแค่รายงาน” นายกฯย่องเงียบตรวจตม.สุวรรณภูมิ

“ไม่อยากฟังแค่รายงาน” นายกฯย่องเงียบตรวจตม.สุวรรณภูมิ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์บนแอปพลิเคชั่น X ขณะเดินทางไปตรวจระบบตรวจคนเข้าเมืองที่ สนามบินสุวรรณภูมิ โดยระบุว่า “เมื่อเช้าผมไปสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อตรวจติดตามงานด้านการบริการนักท่องเที่ยวของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หลังจากที่ระบบสำรองข้อมูลหรือ Back up System ล่มหลายครั้งครับ เป็นที่ทราบกันดีว่าต้นเดือน มี.ค.นี้ จะมีการยกระดับสนามบินทั่วประเทศและเป็นแผนงานใหญ่ โดยเฉพาะสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งเป็นสนามบินหลัก ระบบการตรวจคนเข้าเมือง และวิธีการระบบจัดการทั้งหมดจึงเป็นเรื่องสำคัญ ผมไม่อยากแค่ฟังรายงาน แต่อยากมาดูให้เห็นด้วยตา และไม่อยากใช้คำว่าปัญหา แต่จะใช้คำว่าโอกาส ซึ่งจะทำให้ดีขึ้นในอีกหลายมิติ เพราะตอนนี้จำนวนนักท่องเที่ยวเท่ากับช่วงก่อนที่จะมีโควิด เราจึงต้องตั้งเคพีไอ และวางแผนอย่างเป็นระบบเพื่อแก้ปัญหาระยะยาวครับ ตั้งแต่เรื่องระบบ IT ที่ต้องเชื่อมโยงกัน ระบบสำรองข้อมูลหรือ Back up System เรื่องของจำนวนตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ระยะเวลาการประทับตรา หนังสือเดินทางไม่ควรเกิน 30 นาที การรอรับกระเป๋าจากสายพานต้องรวดเร็วครับ”

ต่อมา เวลา 11.00 น. นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้อีกครั้งที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า ประมาณต้นเดือนมี.ค.นี้ จะมีการประกาศเรื่องการยกระดับสนามบินทั่วประเทศและเป็นแผนงานใหญ่ เรื่องของสนามบินสุวรรณภูมิ ระบบการตรวจคนเข้าเมือง และวิธีการระบบจัดการทั้งหมดเป็นเรื่องสำคัญ จึงไม่อยากแค่ฟังรายงาน อยากไปดูด้วยตาและไม่อยากใช้คำว่าปัญหา แต่จะใช้คำว่าโอกาส ซึ่งมีโอกาสที่จะทำให้ดีขึ้นได้ในหลายๆมิติ เริ่มตั้งแต่เรื่องงานระบบ ซึ่งเป็นระบบไอที มีหลายๆเจ้ามาทำ การที่ไม่เชื่อมต่อโยงกันระบบสำรองข้อมูลหรือ Back up System ความเสถียรของระบบและเรื่องของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่มีจำนวนไม่พอ นอกจากนี้ยังได้ไปเยี่ยมพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ใช้พักผ่อน และผลัดกะตรวจเวร เห็นว่าความเป็นอยู่ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จึงสั่งการให้มีการปรับปรุง ซึ่งก็อยู่ในแผนงานหมด ทั้งขาเข้าและขาออก

นายกรัฐมนตรี ยังตอบคำถามว่า ล่าสุดยังมีปัญหาระบบล่มซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการ สาเหตุที่ล่ม เป็นเรื่องของระบบ เพราะมีหลายระบบเข้ามา ระบบแบ็คอัพไม่ดี เมื่อมีคนเข้ามาเยอะระบบก็หน่วง เช่น เวลาคนเข้ามาเยอะๆธรรมดาต่อคนเคพีไอประมาณ 45 วินาที แต่เวลาคนเข้ามาเยอะและทุกๆ station มีการใช้งานเยอะ กลายเป็นนาทีกว่า ก็ทำให้ช้าอีกตรงนี้จึงเป็นปัญหาใหญ่  ส่วนกรณีตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไม่เพียงพอได้มีการพูดคุยไปแล้วและในการประชุมช่วงบ่ายวันนี้ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจะเข้าพูดคุย ซึ่งอาจจะขอไปทางสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) เพราะเป็นเรื่องของปัญหาระยะยาวที่อยากจะแก้ไขครั้งเดียว

โดยในวันนี้จะมีการประชุมในช่วงบ่ายและจะประชุมอย่างต่อเนื่องทั้งอาทิตย์นี้เพื่อเขียนเป็นแม่แบบว่าจะทำอย่างไร และจะแก้ไขกันอย่างบูรณาการคงใช้เวลา ผมคิดว่าอาจจะ 12 เดือนคงจบได้


ข่าวที่เกี่ยวข้อง