คัดลอก URL แล้ว
รอง ผบช.น. เผย 3 ผู้ต้องหาที่มามอบตัว ปม แทงนศ.ปทุมวัน เสียชีวิต ยังให้การภาคเสธ โดยขอให้การเพิ่มเติมในชั้นศาล

รอง ผบช.น. เผย 3 ผู้ต้องหาที่มามอบตัว ปม แทงนศ.ปทุมวัน เสียชีวิต ยังให้การภาคเสธ โดยขอให้การเพิ่มเติมในชั้นศาล

จากกรณีคดีนักศึกษาเทคโนฯ ปทุมวัน ถูกคนร้ายต่างสถาบันแทงเสียชีวิตนั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาได้แล้ว 4 ราย หลังตามไปจับได้ที่ จ.ฉะเชิงเทรา และล่าสุดวันนี้ (31 มกราคม 2567) มีผู้ต้องหาอีก 3 ราย ได้เดินทางเข้ามอบตัวพร้อมทนายความ เบื้องต้นขณะนี้ตำรวจคุมตัวได้แล้ว 7 ราย เหลือยังคงหลบหนีอีก 2 ราย

ด้านพลตำรวจตรีนพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ผู้ต้องหา 3 รายที่เดินทางมาพร้อมทนายเพื่อติดต่อขอมอบตัววันนี้นั้น ยังเป็นนักศึกษา 1 รายคือ นายกฤษกร (สงวนนามสกุล) ส่วนอีก 2 ราย คือ นายมนต์ธัช (สงวนนามสกุล) และ นายสหรัฐ (สงวนนามสกุล) ซึ่งพ้นสภาพการเป็นนักศึกษาตั้งแต่ปี 2565

โดยจากการสอบปากคำร่วมกับพนักงานสอบสวน เบื้องต้น ทั้ง 3 รายยังให้การภาคเสธ โดยยอมรับว่าคือบุคคลในภาพคลิปวงจรปิด และได้ชี้ว่าตนเองคือใครในคลิป และยอมรับในการกระทำที่เกิดขึ้นตามที่เห็นในคลิป รวมถึงยอมรับว่าพกมีด แต่ไม่ได้ยอมรับว่าแทงผู้เสียชีวิต พร้อมเผยว่ารู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ โดยทั้งหมดขอไปให้การในชั้นศาลอีกครั้ง ซึ่งหลังจากนี้จะเอาตัวผู้ต้องหาไปสอบสวนเพิ่มเติมและลงบันทึกที่ สน.ปทุมวัน

ส่วนเรื่องการว่าจ้างทนายความ พลตำรวจตรี นพศิลป์ กล่าวว่า ได้สอบถามทนายความว่าใครเป็นคนว่าจ้าง ซึ่งทนายบอกว่ามีทั้งเพื่อนและรุ่นพี่ติดต่อประสานงานมาขอให้เป็นทนายความให้

ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 รายที่ยังหลบหนี ทราบว่า 1 ราย คือนายภูริ (สงวนนามสกุล) กำลังเข้ามามอบตัว จึงให้ไปมอบตัวเพื่อสอบปากคำที่ สน.ปทุมวัน ส่วนอีก 1 รายคือ นายวรกันต์ ขานทอง ยังหลบหนีอยู่ โดยได้ฝากไปยังผู้ต้องหาทุกคนแล้วว่าให้ติดต่อเพื่อนคนที่ยังหลบหนีให้เข้ามามอบตัว เพราะตำรวจยังคงติดตามไล่ล่าอย่างต่อเนื่อง เพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีให้ได้ พร้อมฝากเตือนคนช่วยเหลือพาผู้ต้องหาไปซ่อนเร้นอยู่ตอนนี้ว่า มีความผิดตามกฎหมายอย่างชัดเจน และหากตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานแล้วพบว่าคือคนที่ช่วยเหลือก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายแน่นอน

พลตำรวจตรีนพศิลป์ กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามคลิปที่บันทึกพฤติกรรมของผู้ต้องหาทั้งหมดและระบุตัวตนของผู้ก่อเหตุแต่ละคนนับตั้งแต่เริ่มต้น ทั้งมีการรวมตัว และเดินทางมา รวมถึงแสดงอาการยั่วยุต่างๆ จนมีเหตุการณ์เกิดขึ้น ซึ่งตำรวจได้รวบรวมเป็นพยานหลักฐานอยู่ในสำนวนการสืบสวนสอบสวนแล้ว


ข่าวที่เกี่ยวข้อง