นายหลี่ เซิ่งเจียว หรือ เฮียเก้า ผู้ต้องหาคดีพิเศษที่ 127/2566 ตามหมายจับศาลอาญาที่ 111/2567 คดีสวมสิทธิค้าตีนไก่ ถูกเจ้าหน้าที่ดีเอสไอคุมตัวจากสนามบินดอนเมือง ไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ ช่วงบ่ายที่ผ่านมา พร้อมแจ้งข้อกล่าวหากระทำความผิดฐาน 4 ข้อหาประกอบด้วย
1.หลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียอากรโดยเจตนาจะฉ้ออากรที่ต้องเสียสำหรับของนั้น ๆ
2.หลีกเลี่ยงข้อจำกัดหรือข้อห้ามอันเกี่ยวกับของนั้น” “นำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านราชอาณาจักรซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย
3.คดี ฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงิน
4.ฐานเป็นอั้งยี่
ภายหลังการสอบปากคำนานกว่า 2 ชั่วโมง พันตำรวจตรี ณฐพล ได้เปิดเผยว่า เฮียเก้า ยังให้การปฏิเสธเรื่องการสวมสิทธิ์ แต่ยอมรับว่า ทำธุรกิจส่งตีนไก่ออกนอกประเทศจริง ขณะที่พนักงานสอบสวนระบุมีหลักฐานเชื่อมโยงไปยังผู้ต้องหารายอื่น ๆ และอยู่ระหว่างการพิจารณาเรื่องการให้ประกันตัว และในวันพรุ่งนี้ DSI ได้เรียกประชุมใหญ่คณะพนักงานสอบสวน เพื่อนำพยานหลักฐานทั้งหมดมาสรุป ก่อนกำหนดกระบวนการสอบสวนในคดีนี้ต่อไป
สำหรับคดีนี้เป็นขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฎหมายกว่า 10,000 ตู้ ดีเอสไอออกหมายจับรวมทั้งหมด 5 คน เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน รวมเฮียเก้า แล้ว 4 คน เหลือเพียงนายกรินทร์ ลูกชายเฮียเก้า ยังไม่มามอบตัว โดยอ้างว่าติดธุระอยู่ต่างประเทศ ซึ่งการสอบปากคำผู้ต้องหา 3 คน คือ นายหยาง ยา ซุง และ น.ส.นวพร สองสามีภรรยา และนายสมเกียรติ หรือ เฮียเกียรติ ทั้งหมดยังให้การปฏิเสธ
ขณะที่เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่ผ่านมา นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงชี้แจง เชื่อว่าน่าจะเป็นเรื่องการเมือง โยงไปถึงในระหว่างที่ดำรง รมว.เกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้ชื่อเสียงเสียหาย พร้อมย้ำเจตนาไม่เคยเข้าไปมีส่วนพัวพันเอื้อประโยชน์ให้คนใกล้ชิดไปเรียกรับผลประโยชน์ที่ผิดกฎหมาย แต่ไม่ได้ปฏิเสธความเป็นญาติกับ “เฮียเก้า” เพียงยืนยันว่าไม่ได้มีบิดาคนเดียวกัน พร้อมยืนยันว่า หากทำผิดก็ต้องถูกลงโทษทางกฎหมาย