คัดลอก URL แล้ว
ทนายปราบโกงลุยต่อ ร้องสอบ “กระต๊อบหรือขนำ“ เกาะโหลน ภูเก็ต

ทนายปราบโกงลุยต่อ ร้องสอบ “กระต๊อบหรือขนำ“ เกาะโหลน ภูเก็ต

วันนี้ (17 ม.ค. 67) เวลา 11.00 น. ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายกฤษฎา อินทามระ ทนายความเจ้าของฉายาทนายปราบโกง เดินทางมาพบ พงส.บก.ปปป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นายตำรวจ  กับพวก ในความผิด ตามมาตรา 157 อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.66  ตนได้ร้องทุกข์กล่าวโทษนายกเทศมนตรีเทศบาลตำราไวย์ กับพวกรวมถึงเศรษฐีนีกรุงเทพที่มีการทุจริตออกบ้านเลขที่ 65 หมู่ 3 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต และออกทะเบียนบ้านให้เศรษฐีนีเข้าไปเป็นเจ้าบ้านซึ่งมีลักษณะเป็นเพียงกระต๊อบหรือขนำอยู่บนที่ดินชายหาดเกาะโหลน

และผกก.คนดังกล่าว ได้นำคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองภูเก็ต, ป่าไม้ภูเก็ต, เทศบาลตำบลราไวย์,ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งลงพื้นที่เกาะโหลน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่ตนได้ร้องทุกข์ไว้ แต่ ผกก.ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า จากการลงพื้นที่พบว่ามีสภาพเป็นสวนมะพร้าวและภายในแปลงที่ดินมีสิ่งปลูกสร้างลักษณะคล้ายกระต๊อบที่มุงด้วยสังกะสี 1 หลังแต่ล็อคกุญแจไว้คาดว่าน่าจะใช้สำหรับเก็บอุปกรณ์และยังพบว่ามีประกาศของเทศบาลตำบลราไวย์ปิดไว้ระบุว่าให้งดใช้อาคารดังกล่าว เนื่องจากยังไม่ได้รับอนุญาตและขอให้เจ้าของอาคารไปยื่นขออนุญาตให้ถูกต้อง นอกจากนี้ยังพบร่องรอยของโถชักโครก ลักษณะเหมือนเคยเป็นอาคารแต่รื้อไปแล้ว โดยไม่พบผู้เป็นเจ้าของ

แต่จากการสอบถามนายอำเภอเรื่องการออกบ้านเลขที่ นายอำเภอแจ้งว่าไม่มีหลักฐานเลขบ้านแล้วเพราะได้เพิกถอนไปแล้ว และเทศบาลก็ได้ปิดประกาศให้เจ้าของสิ่งปลูกสร้างมายื่นขอออกใบอนุญาตก่อสร้างให้ถูกต้องภายใน 30 วันด้วยนั้น

ดังนั้น ผกก.จึงไม่มีความจำเป็นใดๆ เลยที่จะต้องไปรับฟังข้อเท็จจริงจากพิกัดและยังมีการเบี่ยงเบนประเด็นไปถึงการพบร่องรอยของโถชักโครกลักษณะเหมือนเคยเป็นอาคารแต่รื้อไปแล้วมาประติดประต่อเชื่อมโยงเป็นประเด็นกับการออกเลขบ้าน เพราะตามอำนาจหน้าที่แล้ว ผกก.ควรมุ่งตรงไปที่สำนักงานเทศบาลตำบลราไวย์ หรือที่ทำการอำเภอราไวย์ เพื่อตรวจค้นต้นขั้วการออกทะเบียนบ้านเลขที่ 65 ว่ามีการออกทะเบียนบ้านตามที่ตนมอบหลักฐานไว้และหากพบว่ามีการออกทะเบียนบ้านเลขที่ 65 จริงก็ต้องตรวจสอบว่ามีชื่อเศรษฐีนีเป็นเจ้าบ้านหรือไม่

ต่อมา  นายกฤษฎา อินทามระ ทนายความได้เข้าพบ กับ นายตำรวจคนดังกล่าว   เพื่อเคลียร์ใจ และมอบหลักฐานให้  โดย นายตำรวจ  ระบุว่า ตนรับฟังปัญหาของทุกฝ่ายที่มีพยานหลักฐาน ไม่ใช่เข้าข้างอีกฝ่ายอย่างที่ทนายเข้าใจ  และหลักฐานที่ทนายมอบให้จะส่งไปให้คณะกรรมการ และหลักฐานที่ส่งไปทางคณะกรรมการจะส่งมาให้ดำเนินการตามกฎหมายหรือต้องรอดูต่อไป


ข่าวที่เกี่ยวข้อง