คัดลอก URL แล้ว
“มดดำ-มดเล็ก” รอด กกต.ยกคำร้อง ปมใช้อาชีพพิธีกรปราศรัยหาเสียง-จูงใจคนลงคะแนนเลือกตั้ง

“มดดำ-มดเล็ก” รอด กกต.ยกคำร้อง ปมใช้อาชีพพิธีกรปราศรัยหาเสียง-จูงใจคนลงคะแนนเลือกตั้ง

วันที่ 15 มกราคม 2567 เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เผยแพร่คำวินิจฉัยกรณีมีคำสั่งยกคำร้อง ในคดีที่กล่าวหาว่า นายศักดิ์ชาย ตันเจริญ หรือ มดเล็ก ส.ส. ฉะเชิงเทรา เขตเลือกตั้งที่ 3 พรรคเพื่อไทย (ผู้ถูกร้องที่ 1 ) และนายคชาภา ตันเจริญ หรือ มดดำ ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง (ผู้ถูกร้องที่ 2 ) กระทำการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. พ.ศ. 2561 มาตรา 73 (5) และมาตรา 80 ประกอบระเบียบ กกต.ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งส.ส. พ.ศ. 2561 ข้อ 18 (1) และ (5) กรณีที่ผู้ถูกร้องที่ 1 ก่อ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้ผู้ถูกร้องที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับรายการทางวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ สื่อมวลชน สื่อโฆษณา เช่น นักแสดง นักร้อง นักดนตรี พิธีกร สื่อมวลชน ใช้ความสามารถหรือวิชาชีพ เอื้อประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้งแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง และหลอกลวงหรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือพรรคการเมือง

ทั้งนี้ กกต.ได้พิจารณารายงานการไต่สวนตลอดจนพยานหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องประกอบกันแล้ว เห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ได้จากการไต่สวนรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2566 ระหว่างเวลาประมาณ 17.30 -20.00 น. ที่บริเวณทางแยกสาย 331 ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ผู้ถูกร้องที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรค พท.ได้ปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับบุคคลในครอบครัวของผู้ถูกร้องที่ 2 และนโยบายของพรรค พท. เป็นลักษณะของการหาเสียงเลือกตั้งทั่วไป

ส่วนข้อความที่ผู้ร้องกล่าวหาว่า ” ขอให้มดเล็กมาเป็น สส.แทนมดดำ สักคนได้ไหมครับ” เป็นเพียงข้อความบางส่วนเท่านั้น และจากการไต่สวนพยาน ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ได้ไปฟังการปราศรัยให้ถ้อยคำสอดคล้องกันว่าข้อความที่ผู้ถูกร้องที่ 2 กล่าวปราศรัยไม่เป็นการหลอกลวง และไม่เป็นการจูงใจให้ลงคะแนนแก่ผู้ถูกร้องที่ 1 และไม่ได้ใช้ความสามารถหรือวิชาชีพพิธีกรกล่าวปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง เพียงแต่กล่าวปราศรัยหาเสียงในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของพรรคเพื่อไทย โดยไม่ปรากฎว่าผู้ถูกร้องที่ 2 ได้ทำหน้าที่เป็นพิธีกรหรือใช้วิชาชีพอื่นของตน เพื่อเอื้อประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้งแก่ผู้ถูกร้องที่ 1 หรือพรรคเพื่อไทย อีกทั้งไม่ปรากฎพยานหลักฐานอื่นที่ยืนยันได้ว่ามีการกระทำฝ่าฝืนกฎหมายตามข้อกล่าวหา ข้อเท็จจริงจึงยังรับฟังไม่ได้ว่า ผู้ถูกร้องที่ 1 ก่อ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้ผู้ถูกร้องที่ 2 กระทำการฝ่าฝืนพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. พ.ศ. 2561 มาตรา 73 (5) และมาตรา 80 ประกอบระเบียบ กกต.ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งส.ส. พ.ศ. 2561 ข้อ 18 (1) และ (5) ตามคำร้อง จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง


ข่าวที่เกี่ยวข้อง