RWS ประกาศศักดาพามวยไทยแท้ๆ จากเวทีราชดำเนิน บ้านเกิดของมวยไทยไทยลุยสนามระดับโลก ประเดิมสนามแรกที่ญี่ปุ่น ณ สนามระดับตำนาน “โคระคุเอน ฮอลล์” ประเทศญี่ปุ่นวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567
รายการ RWS ราชดำเนินเวิล์ดซีรีส์ จากการปลุกปั้นของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่รักและทุ่มเทให้กับมวยไทยอย่างจริงจังจนประสบความสำเร็จท่วมท้นภายใต้การนำทีมของ “คุณแบงค์” เธียรชัย พิสิฐวุฒินันท์ ประธานฝ่ายบริหาร บริษัท โกลเบิล สปอร์ต เวนเจอร์ส และกรรมการบริหารของเวทีมวยราชดำเนิน
คุณแบงค์ได้กล่าวถึงศึกมวย RWS – Rajadamnern World Series ว่าการจัดการแข่งขันที่ผ่านมา โดยภาพรวมแล้วผลตอบรับดีกว่าความคาดหมายในทุกๆทาง จนกล่าวได้ว่าช่วยพลิกฟื้นวงการมวยไทยที่ซบเซาในช่วง 2 ปีกลับมาเฟื่องฟูได้อีกครั้งและเวทีราชดำเนินในทุกวันนี้จัดมวยชกทุกวันตลอดสัปดาห์
กระแสตอบรับที่เกิดขึ้นมานั้นทำให้นักท่องเที่ยวเข้าชมมวยที่เวทีมวยราชดำเนินในปีนี้เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 1,600 % มีผู้เข้าชมมวยไทยที่เวทีราชดำเนินกว่า 190 ประเทศในปีนี้เพียงปีเดียวและมีนักมวยไทยจากทั่วประเทศและทั่วโลกมาร่วมแข่งขันที่เวทีราชดำเนินประมาณการจำนวนกว่า 5,000 คน จากการจัดรายการมวยไทยกว่า 360 รายการในปี 2566 ถือเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ให้บุคลากรมวยไทยทั้งอุตสาหกรรมและเป็นส่วนร่วมช่วยเสริมสร้างระบบนิเวศของกีฬามวยไทยให้แข็งแกร่ง ในทุกๆภาคส่วน
รวมทั้งรายการ RWS ยังมีการถ่ายทอดสดทาง ดะโซน (DAZN) บริษัทสตรีมมิงคอนเทนต์กีฬายักษ์ใหญ่ โดยมีการถ่ายทอดสดไปกว่า 200 ประเทศและเขตการปกครองทั่วโลกทำให้เรตติ้งพุ่งกระฉูดขึ้นจากเดิมถึง 300%
ในโอกาสที่สนามมวยราชดำเนินซึ่งเปรียบดั่งบ้านของมวยไทยมีอายุครบ 78 ปีและย่างก้าวสู่ปีที่ 79 รวมไปถึงการที่ภาครัฐเองก็ต้องการผลักดันให้มวยไทยเป็นซอฟต์ พาวเวอร์ ที่ดึงดูดผู้ชมจากทั่วโลก ช่วยสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ศึก RWS ในปี 2024 จึงถึงเวลาแล้วที่จะยกระดับก้าวสู่ระดับอินเตอร์ ด้วยการพาตัวเองไปให้ชาวโลกได้รู้จักอย่างกว้างขวางจากการจัดชกในต่างประเทศ อีกทั้งจะเป็นรายการที่จะคงเอกลักษณ์ของมวยไทยไว้ครบถ้วนให้ชาวต่างชาติได้เรียนรู้และรับอรรถรสของมวยไทยอย่างแท้จริง
นายเธียรชัย กล่าวว่า เบื้องต้นศึก RWS 2024 วางแผนไว้จะจัดขึ้นชกในต่างประเทศหลายครั้ง โดยครั้งแรกกำหนดไว้ว่าจะจัดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 12 ก.พ. นี้ เพราะประเทศญี่ปุ่นกีฬาการต่อสู้ได้รับความนิยมสูงมากๆ อีกทั้งยังมีการจัดแข่งขันศิลปะการต่อสู้หลายรูปแบบ และมวยไทยก็ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ มีนักมวยไทยเดินทางไปชกที่ญี่ปุ่นมากมาย ขณะเดียวกันก็มีนักมวยญี่ปุ่นหลายคนมาสร้างความฮือฮาบนเวทีราชดำเนิน จนกลายเป็นแชมป์เวทีราชดำเนินอย่างเช่น นาดากะ เอวะสปอร์ตยิม
“การพาทัพมวยไทยไปสู่ระดับนานาชาติ อยู่ในแผนงานของเราที่ต้องการจะให้ชาวต่างชาติได้สัมผัสกับความเป็นมวยไทยที่แท้จริง เราต้องการให้เขามีประสบการณ์กับมวยไทยครบทุกอัตลักษณ์ความเป็นมวยไทยที่แท้จริง เพื่อให้ได้รับชมอย่างครบรสชาติของมวยไทยจริงๆ” คุณแบงค์กล่าว
ในด้านของโคราคุเอนฮอลล์นั้น คุณแบงค์ชี้ว่าเป็นสังเวียนการต่อสู้ระดับตำนานของญี่ปุ่นเฉกเช่นเดียวกับเวทีมวยราชดำเนิน “คนญี่ปุ่นยกให้โคราคุเอนฮอลล์เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับกีฬาการต่อสู้ซึ่งเปิดมาตั้งแต่ปี 2505 เป็นเวทีในตำนานที่นักต่อสู้ระดับโลก แชปม์เปี้ยนจากทั่วโลกหลายคนเคยมาอวดฝีมือ รวมทั้งยังเคยใช้เป็นสนามมวยโอลิมปิคฤดูร้อนในปี 2507 และยังคงเป็นเวทีการแข่งขันชกมวย คิกบ็อกซิ่ง มวยปล้ำ ระดับโลกและระดับชาติอีกหลายรายการในทุกวันนี้”
“เรียกได้ว่าสมศักดิ์ศรีกับการประเดิมเวทีในระดับนานาชาติ เป็นการพาเวทีแห่งเกียรติยศของเราไปอยู่ในเวทีระดับตำนานได้อย่างงดงาม” คุณแบงค์กล่าวปิดท้าย
ที่น่ายินดีมากยิ่งไปกว่านั้นก็คือ นายโยชิคาซุ คิตาฮาร่าซึ่งเป็นประธานฝ่ายบริหารของโตเกียวโดม ควบคุมดูแลโคราคุเอน ฮอลล์ ซึ่งเป็นสังเวียนกีฬาระดับโลกที่ตั้งอยู่กลางกรุงโตเกียวและมีความยิ่งใหญ่ มีตำนานเช่นเดียวกับเวทีราชดำเนิน ได้ให้เกียรติมาร่วมประกาศการไปจัดต่างประเทศครั้งแรก และให้เกียรติเข้าชมการจัดชิงแชมป์มวยหญิงของเวทีราชดำเนินเป็นครั้งแรกในรอบ 78 ปีระหว่าง โสมรัศมี มานพมวยไทยยิม แชมป์ RWS 2022 (รุ่นฟลายเวท) และแชมป์ RWS 2023 (รุ่นแบนตัมเวท) กับ เซฟกี้ วีนั่มมวยไทย รวมไปถึง นาดากะ เอวะสปอร์ตยิม แชมป์รุ่นมินิมั่มเวทและฟลายเวทของเวทีราชดำเนิน จะชิงแชมป์เฉพาะกาลรุ่นซูเปอร์ฟลายเวท พบกับ ชูทรัพย์ ส.สละชีพ ในคืนวันที่ 23 ธ.ค. นี้ด้วย
“ผมรู้สึกยินดีที่ได้มาสัมผัสความยิ่งใหญ่ของเวทีราชดำเนินซึ่งเป็นสนามมวยที่มีอายุมากที่สุดในโลกในวันนี้ สำหรับโคราคุเอนฮอลล์ ในฐานะที่เป็นสังเวียนการต่อสู้ระดับตำนานที่มีชื่อเสียงระดับโลก ขอต้อนรับรายการ RWS – Rajadamnern World Series ที่จะไปจัดชกประเทศญี่ปุ่นในปีหน้าเช่นกันครับ” นายโยชิคาซุ คิตาฮาร่า กล่าว