4 ป. ยันผลตรวจสอบข้าราชการ C7 ทุจริตจัดซื้อวัสดุวิทยาศาสตร์ทิพย์ 10 ปี พบทำผิด 721 ครั้ง ความเสียหายกว่า 51 ล้านบาท หลังรู้ตัวถูกตรวจสอบสั่งลูกสาวหน่าขาดลูกเขย ปิดบริษัท-บัญชี ถอนเงินสดเก็บที่บ้าน

เจ้าหน้าที่ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ,คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) , สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และเจ้าหน้าที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แถลงผลการตรวจค้น พื้นที่เป้าหมาย 6 จุด ที่เกี่ยวข้องกับ ผู้ต้องหา 3 คน คือ

1.นางจรรยา อายุ 54 ปี ตำแหน่ง นักวิชาการพัสดุ C7
2.นางสาวรัตนาภรณ์ อายุ 32 ปี ตำแหน่ง เจ้าพนักงานธุรการชำนาญงาน (ลูกสาว)
3.นายอานนท์ อายุ 32 ปี กรรมการบริษัท เอ็น วาย พลัส จำกัด (เขย)

ที่ถูกตำรวจ ปปป.เข้าจับกุมที่ ภายในห้องทำงานที่ สถาบันชีววิทยาทางการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา หลังมีการร้องเรียนว่ามีเจ้าหน้าที่ทุจริตการจัดซื้อวัสดุวิทยาศาสตร์ ซึ่งใช้ในห้องภายในห้องทดลองของกระทรวงวิทยาศาสตร์

จากการตรวจค้น เป้าหมาย 6 จุด ใน 4 จังหวัด ประกอบด้วย จ.นนทบุรี ,สมุทรปราการ ,กรุงเทพฯ และ จ.อยุธยา ที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาทั้ง 3 คน สามารถอายัดทรัพย์ได้หลายรายการ ประกอบด้วย

• เงินสด 4.6 ล้าน (พบที่บ้านลูกสาวและลูกเขย)
• นาฬิกา Rolex 6 เรือน ราคารวมกว่า 4 ล้านบาท (พบที่บ้านลูกสาว-ลูกเขย)
• กระเป๋าแบรนด์เนม 16 ใบ
• โฉนดที่ดิน 6 ฉบับ
• ปืน 6 กระบอก เป็นของลูกเขย มีทะเบียนถูกต้อง
• กระสุนปืน 40 นัด
• สมุดบัญชีเงินฝากพร้อม atm และเอกสารต่างๆ
• รถยนต์ 4 คัน
• รถมอเตอร์ไซค์ (ยี่ห้อ DUCATI กับ HARLEY) 2 คัน
  รวมมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท
  ส่วนทรัพย์สินที่ยังไม่พบ ทางตำรวจจะทำการสืบทรัพย์และส่งให้ ปปง. ดำเนินการต่อไป

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ รรท.อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบการเบิกจ่ายค่าวัสดุวิทยาศาสตร์ โดยการเบิกแต่ละครั้งยอดจะอยู่ที่ 99,000 บาท เนื่องจากการเบิกแต่ละครั้งจะเบิกได้ไม่เกิน 100,000 บาท เพราะถ้ายอดเกิน 100,000 บาท จะต้องผ่านผู้ใหญ่ในองค์กร แต่ถ้าไม่เกิน 100,000 บาทจะสิ้นสุดแค่ตำแหน่งของผู้ต้องหา โดยในช่วง 3 ปี ตั้งแต่ 2563-2566 พบการกระทำผิดทั้งหมด 289 ครั้ง ความเสียหายกว่า 28 ล้านบาท จากการประเมินของตำรวจทั้ง 4 หน่วยงานเชื่อว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 คน น่าจะกระทำการก่อนหน้านี้ จึงมีการตรวจสอบย้อนหลังไปถึง10 ปี (2556) ซึ่งเป็นช่วงที่นางจรรยาได้รับตำแหน่งและมีอำนาจในการจัดซื้อได้ พบการกระทำผิด 721 ครั้งความเสียหายกว่า 51 ล้านบาท

พ.ต.ท.สิริพงศ์ ศรีตุลา ผอ.กองปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ2 กล่าวว่า พฤติกรรมดังกล่าวเป็นการกระทำซ้ำๆ โดยมีการใช้เลขตั้งเบิกเลขเดียวทุกครั้ง และการจัดซื้อจัดจ้างก็มีแค่ 2 บริษัททุกครั้ง สิ่งของที่จัดซื้อเป็นวัสดุสิ้นเปลือง ใช้แล้วหมดไป เช่น น้ำยา หรือสารเคมี ซึ่งจากการตรวจสอบทั้ง 2 บริษัท พบมีลูกสาวเป็นพนักงานราชการขององค์กร ซึ่งเป็นคณะกรรมการร่วมกับลูกเขยในการตั้ง 2 บริษัทนี้ขึ้น ส่วนการสืบสวนคดีนี้ 4 ป. ใช้เวลาเพียง 5 วัน จำเป็นต้องรีบดำเนินการ เนื่องจากผู้ต้องหาเริ่มเคลื่อนย้ายถ่ายเททรัพย์สิน หลังรู้ว่าตัวเองถูกอธิบดีกรมการแพทย์ตั้งกรรมการตรวจสอบ โดยนางจรรยาให้ลูกสาว-ลูกเขยปิดบริษัท-ปิดบัญชีธนาคารและถอนเงินสดเอามาเก็บไว้ที่บ้าน และเตรียมโยกย้ายเงินไปยังจุดอื่น โดยก่อนหน้าลูกสาว-ลูกเขยได้จดทะเบียนหย่าร้างกันแล้ ทำให้ตำรวจทราบความเคลื่อนไหว ว่ามีการถ่ายโอนทรัพย์สินเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวมีบุคคลที่มีความรู้ด้านกฎหมายคอยให้คำแนะนำอยู่เบื้องหลัง

ส่วนเรื่องของเอกสารทิพย์ดังกล่าว จากการตรวจสอบพบว่า เอกสารที่ใช้ในการเบิกจ่ายนั้นมีการปลอมแปลงลายมือชื่อของบุคคลอื่น อาทิ นักวิจัย ผู้ทำการเบิกจ่าย หมอทำการตรวจรับพัสดุ ขึ้นมา โดยที่บุคคลเหล่านี้ไม่รู้เห็มาก่อน

ทั้งนี้ 4 ป. เตรียมประชุมหารือว่าจำเป็นหรือไม่ในการขยายผลตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างย้อนหลังออกไปอย่างน้อย 3 ปี ซึ่งเป็นเวลาที่นางจรรยาได้เริ่มปฏิบัติงานตำแหน่งพัสดุ และหากพบว่ามีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องจะดำเนินคดีโดยเด็ดขาดไม่มีข้อยกเว้น

นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ รรท.อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า หลังได้รับหนังสือจาก ป.ป.ท.ให้ตรวจสอบการจัดซื้อวัสดุวิทยาศาสตร์ดังกล่าว และรายงานกลับมายัง ป.ป.ท.ในระยะเวลา 30 วัน หลังจากได้รับคำสั่งดังกล่าว จึงมีการตั้งคณะกกรมการตรวจสอบ พร้อมทั้งสั่งโยกย้ายผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ไปปฏิบัติหน้าที่อื่นชั่วคราว และให้บุคคลอื่นมาปฏิบัติหน้าที่แทนเพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบย้อนหลัง จึงทำให้ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนรู้ตัวว่าถูกตรวจสอบ ต่อมาผู้ต้องหาหายจากการทำงาน 5 วัน และกลับมาเขียนใบลาในวันต่อมา เนื่องจากผู้ต้องหาเข้าใจว่าเป็นเพียงการตรวจสอบภายในเท่านั้น โดยไม่รู้ว่าการตรวจสอบครั้งนี้เป็นการตรวจสอบจาก 4 ป. และเป็นไปอย่างรวดเร็ว จึงทำให้ยับยั้งความเสียหายได้
พร้อมทั้งขอให้ 4ป.เร่งดำเนินการตรวจสอบว่ายังมีบุคคลอื่นของหน่วยงานมีส่วนรู้เห็นหรือไม่ หากพบขอให้ดำเนินการโดยไม่มีข้อยกเว้น ทั้งพนักงานปัจจุบันและพนักงานที่เกษียณอายุแล้ว