วันนี้ (27 พ.ย.66) เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ นำกำลังพร้อมหมายศาลเข้าตรวจค้นบริษัทสยามแมคโคร เพื่อหาหลักฐานคดีหมูเถื่อน 161 ตู้ หลังพบความเชื่อมโยงว่ามีเนื้อหมูเถื่อนนำเข้ามายังบริษัทดังกล่าว ก่อนจะจำหน่ายไปยังผู้บริโภค
ภายหลังจากทำการตรวจค้น โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง นางศิริพร เดชสิงห์ รอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการสื่อสารองค์กร ได้ออกมาเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เคยทำการซื้อขายกับบริษัท ทางบริษัทแม็คโครสยามไทยยินดีให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดี ในการเข้าตรวจโกดังเก็บสินค้าที่มหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร และวังน้อย จังหวัดอยุธยา ที่เข้าตรวจก่อนหน้านี้
จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ DSI เข้าขอตรวจค้นและขอเอกสารการซื้อขายเนื้อหมูเถื่อนกับ บริษัท เว้ลท์ซี่ แอนด์ เฮ็ลธ์ซี ฟูดส์ จำกัด และบริษัท เดอะ กู๊ด ช็อป จำกัด ที่กรรมการบริษัทตกเป็นผู้ต้องหาในคดีหมูเถื่อนที่ ดีเอสไอ ได้รับทำเป็นคดีพิเศษ
ทางบริษัทสยามแม็คโคร ต้องขอยอมรับว่า เคยซื้อขายกับบริษัทดังกล่าวจริง ซึ่งขณะนั้นทางเราประสบปัญหาเครื่องในหมูไม่เพียงพอจึงประสานไปยังบริษัทดังกล่าว เพื่อที่จะให้หาตับหมูนำมาให้ กับบริษัทของตน เพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของผู้บริโภค และบริษัทดังกล่าวก็นำมาขายให้กับบริษัทสยามแม็คโคร โดยมีเอกสารการนำเข้าจากกรมปศุสัตว์มาสำแดง
อย่างไรก็ตามประเทศไทยสามารถสั่งซื้อตับหมูจากต่างประเทศได้ตามความต้องการของผู้บริโภาค เนื่องจากเครื่องในหมูมีมากน้อยไม่เท่ากัน อาจมีความจำเป็นต้องสั่งนำเข้าจากต่างประเทศ ส่วนเนื้อหมูทางบริษัทสยามแม็คโครรับสินค้าจากหมูที่ผลิตในประเทศเพียงเท่านั้น
นางศิริพร เผยอีกว่า บริษัทสยามแม็คโครทำสัญญาค้าขายกับบริษัทดังกล่าวกันมาหลายปี โดยเริ่มจากสินค้าประเภทปลาและมีสินค้าแช่แข็งหลาย ๆ อย่าง ซึ่งมีเอกสารที่นำมาสำแดงถูกต้องตามกฎหมายทุกล๊อต ที่ออกโดยกรมปศุสัตว์
จนกระทั่งปี 2565 ทางบริษัทสยามแม็คโครได้ ยกเลิกซื้อเนื้อหมูกับทางบริษัทดังกล่าว เนื่องจากตรวจสอบพบว่าเนื้อหมูไม่ได้มาตรฐาน จึงเลิกซื้อกับบริษัทนี้ทันที
ต่อมา ตรวบพบตับหมูไม่ได้คุณภาพเมื่อช่วงต้นปี 2566 ทางบริษัทสยามแม็คโคร จึงยกเลิกซื้อขายกับบริษัทดังกล่าวทุกสินค้า เนื่องจากได้มีการตักเตือนเรื่องคุณภาพสินค้าต่ำกว่ามาตรฐานไปก่อนหน้านี้ แต่ไม่มีการปรับปรุง
ด้าน พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า จากการเข้าตรวจสอบเอกสารในวันนี้ ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ขออำนาจหมายศาลเข้าตรวจค้นบริษัทสยามแม็คโคร และขอเอกสารการซื้อขายกับบริษัทดังกล่าว เพื่อหาหลักฐานนำมาประกอบสำนวนและเร่งติดตามจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีหมูเถื่อน
ซึ่งทางบริษัทสยามแม็คโครได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ในการแสดงเอกสารที่บริษัทดังกล่าวนำมาสำแดง แต่ต้องใช้ระยะเวลาในการรวบรวมเอกสารมาให้เจ้าหน้าที่ เนื่องจากเอกสารอยู่กับทางบริษัทย่อยที่กระจายอยู่หลายจังหวัด และบริษัทสยามแม็คโคร ได้มีการ ซื้อขาย กับบริษัทดังกล่าว มาเป็นเวลา 10 กว่าปี มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 390 ล้านบาท
หลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะต้องนำเอกสารดังกล่าวไปพิสูจน์ให้ได้ว่า เป็นเอกสารเท็จหรือจริง เพื่อพิสูจน์ให้ได้ว่า บริษัทสยามแม็คโคร ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยอยู่ในขณะนี้ มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับขบวนการค้าหมู่เถื่อนหรือไม่
อย่างไรก็ดีทางพนักงานสอบสวนได้ไปพบเอกสารการสำแดงเท็จจากกรมปศุสัตว์ กรมประมง และกรมศุลกากร ซึ่ได้นำหลักฐานเหล่านี้เข้ามาประกอบสำนวน และเพื่อพิสูจน์ว่า สยามแม็คโครนั้น ตกเป็นผู้เสียหายหรือเป็นผู้เข้าร่วมขบวนการ