คัดลอก URL แล้ว
“ศิริกัญญา” หวั่นออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านทำดิจิทัลวอลเล็ต ขัดรัฐธรรมนูญ-สร้างภาระการคลังระยะยาว

“ศิริกัญญา” หวั่นออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านทำดิจิทัลวอลเล็ต ขัดรัฐธรรมนูญ-สร้างภาระการคลังระยะยาว

“ศิริกัญญา” หวั่น ออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านทำดิจิทัลวอลเล็ต ขัดรัฐธรรมนูญ-สร้างภาระการคลังระยะยาว ยืนยัน “ก้าวไกล”ไม่เห็นด้วยใช้ช่องทางร้องศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ควรเป็นความรับผิดชอบทางการเมืองของรัฐบาล

วันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีการชี้แจงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในวันนี้ ว่าสิ่งที่นายกฯ แถลงวันนี้ เป็นการยอมรับว่าไม่ได้คิดอย่างถี่ถ้วน ทั้งเรื่องว่าจะเอาแหล่งเงินมาจากไหนในการดำเนินนโยบาย สุดท้ายต้องกู้มาแจก และเทคโนโลยีจากซูเปอร์แอปพลิเคชันที่ย้อนกลับมาใช้แอปพลิเคชันเป๋าตัง

ซ้ำร้าย เงินดิจิทัล 10,000 บาท อาจจะไม่มีใครได้เงินเลยสักคนเดียว เพราะทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าร่าง พ.ร.บ. กู้เงิน 5 แสนล้าน ขัดต่อมาตรา 140 ของรัฐธรรมนูญ และมาตรา 53 ของ พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลัง แต่ก็ยังเลือกทางนี้ ซึ่งนายกฯ และพรรคเพื่อไทยย่อมทราบดี เพราะเป็นกรณีเดียวกับที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยปัดตก พ.ร.บ. เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท เพื่อจะทำรถไฟฟ้าความเร็วสูง เมื่อปี 2556

หรือนี่เป็นเพียงการสร้างภาพให้ความมั่นใจกับประชาชน ว่ากำลังจะได้เงิน ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าไปไม่รอดแน่ เป็นการสร้างกับดักเพื่อที่ในอนาคต หากมีบรรดานักร้องหรือผู้ตรวจการแผ่นดินไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ก็จะสามารถอ้างได้ว่าเป็นความผิดของศาลรัฐธรรมนูญ ในการปัดตกร่าง พ.ร.บ. กู้เงิน ไม่ใช่ความผิดของรัฐบาล

ศิริกัญญากล่าวว่า ขอยืนยัน ช่องทางในการร้องศาลรัฐธรรมนูญนั้น พรรคก้าวไกลจะไม่ไปร้องแน่นอน และขอคัดค้านสุดตัวไม่ให้เรื่องนี้มีศาลรัฐธรรมนูญเข้ามาเกี่ยวข้อง เนื่องจากเป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร ควรให้จบที่คณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นผู้ตีความ และรัฐบาลรับผิดชอบในทางการเมืองด้วยตัวเอง

แต่ถ้าถึงที่สุด เกิดอภินิหารและร่าง พ.ร.บ. นี้ผ่านสภาไปได้ การผ่อนชำระคืนใน 4 ปี บวกดอกเบี้ยในแต่ละปี จะสร้างภาระทางการคลังขึ้นไปเกือบ 20% ของรายได้รัฐบาล เท่ากับเก็บภาษีมาได้ก็เอาไว้จ่ายคืนหนี้ ดอกเบี้ยต่องบประมาณจะทะลุ 10% ในปีงบ 2568 ซึ่งเป็นสิ่งที่บรรดาสถาบันจัดเครดิตเรตติ้งเฝ้าจับตาเพื่อรอหั่นเรตติ้งอยู่แน่นอน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลให้เหตุผลถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการทำนโยบายนี้ เพราะต้องการกอบกู้หรือกระตุ้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ศิริกัญญากล่าวว่า จะกล่าวเช่นนั้นก็ได้ แต่ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ไม่เคยมีการพูดถึงความจำเป็นเร่งด่วน ครั้งแรกรัฐบาลพูดว่าต้องดำเนินโครงการนี้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ตอนนี้เลื่อนเป็นเดือนพฤษภาคม 2567 เพราะต้องรองบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ด้วยไทม์ไลน์แบบนี้ แสดงให้เห็นว่าไม่ได้เป็นความจำเป็นเร่งด่วน เพราะวิกฤตเกิดวันนี้ โอกาสที่จะแก้ไขต้องเกิดขึ้นภายใน 1-2 เดือนข้างหน้า ไม่ใช่ 6 หรือ 8 เดือนข้างหน้า

อีกประการ คือการออกเป็น พ.ร.บ.กู้เงิน จำเป็นต้องผ่านสภาฯ 3 วาระ มีการตั้งกรรมาธิการขึ้นมาพิจารณา ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะผ่านในเวลาอันรวดเร็วแม้รัฐบาลจะคุมเสียงข้างมากในสภาฯ ด้วยเหตุผล 2 ข้อนี้ เห็นแล้วว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความจำเป็นเร่งด่วนที่แท้จริงหรือฟังขึ้น


ข่าวที่เกี่ยวข้อง