นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุ ถึงมาตรการช่วยเหลือชาวนา หลังจากคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว หรือ นบข.ตีกลับข้อเสนอมาตรการบริหารจัดการข้าวปี 2566/67 ว่า
การช่วยเหลือชาวนาฤดูกาลใหม่ จะใช้เครื่องมือใหม่ผ่านสถาบันเกษตรกร คือ สหกรณ์ฯ เป็นหลักในการดูดซับผลผลิตข้าว และรักษาเสถียรภาพราคา มีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ดำเนินการด้านสินเชื่อ ส่วนเกษตรรายย่อยที่ไม่มียุ้งฉาง ธ.ก.ส.จะรับดูแลในส่วนนี้ด้วย เพื่อนำสินค้ามาเก็บในสต็อก
และเห็นว่าการเก็บสต็อกในครั้งนี้ไม่ได้มีความเสี่ยงมาก เพราะราคาข้าวสูงกว่าปีที่ผ่านมา แต่หากจำเป็นก็สามารถเสนอมาตรการเพิ่มได้ และได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์หารือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เสนอในการประชุมครั้งหน้า
ส่วนโรงสีที่ประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง กระทรวงการคลังจะรับไปเจรจากับธนาคารกรุงไทยให้ปล่อยสินเชื่อเพิ่ม
นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ระบุว่า หลังจากที่ นบข.ไม่พิจารณามาตรการบริหารจัดการข้าวเปลือกนา ปี 2566/67 เช่น การให้สินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี 3 ล้านตัน สินเชื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่ม 1 ล้านตัน
การชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการเก็บสต็อก 10 ล้านตัน การสนับสนุนค่าบริหารจัดการ+พัฒนาคุณภาพ เป้าหมายกว่า 4,600,000 ครัวเรือน โดยช่วยไร่ละ 1,000 บาท แต่ไม่เกิน 20 ไร่ รวมวงเงินกว่า 60,000 ล้านบาทนั้น
สร้างความกังวลให้ชาวนา และมีการสอบถามเรื่องการช่วยเหลือเข้ามา โดยเฉพาะค่าบริหารจัดการข้าวที่เป็นค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 1,000 บาท ว่า จะได้รับ หรือไม่ ได้รับคำชี้แจงจากกระทรวงพาณิชย์ว่า มติ นบข. ครั้งแรกมุ่งเรื่องการพยุงราคาข้าวที่กำลังออกเป็นหลัก ส่วนมาตรการอื่น ๆ จะทยอยพิจารณาต่อไป
ขณะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีการประชุมถึงแนวทางดังกล่าวแล้ว และได้มอบหมายให้กรมการข้าวและกรมส่งเสริมสหกรณ์ร่วมจัดทำข้อมูล เพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ในวันอังคาร ที่ 7 พฤศจิกายนนี้
