คัดลอก URL แล้ว
ผู้ตรวจฯ ยันกรณี ตร. ค้นร้านเจอฝ่ายปกครอง ‘ไม่ใช่การเอาคืน’

ผู้ตรวจฯ ยันกรณี ตร. ค้นร้านเจอฝ่ายปกครอง ‘ไม่ใช่การเอาคืน’

นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง ได้แถลงข่าวชี้แจงกรณีสำนักข่าวบางสำนัก ได้เสนอข่าวบิดเบือน กรณีสถานีตำรวจภูธรช้างเผือกจับร้านอาหาร Level9 เชียงใหม่ แล้วพบเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองข้างในร้าน หลังเสร็จการปฏิบัติภารกิจ ป่าช้าแตก จังหวัดเชียงใหม่ เข้าจับกุมสถานบริการ เลอเนิร์ฟผับ ว่า ชุดปฏิบัติการมีทั้งหมด 16 คน หลังจากปฏิบัติการเสร็จสิ้นเจ้าหน้าที่บางส่วนได้เดินทางกลับกรุงเทพฯ และเหลือเจ้าหน้าที่ชุดไว้ 2 คน

ซึ่งเป็นชุดสืบสวน เพื่อดำเนินการตรวจสอบหลังการปฏิบัติการเสร็จ และสืบสวนร้านที่เข้าข่ายผิดกฎหมายต่อไป โดยในวันที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่เหลืออยู่ ได้แบ่งกันไปตรวจสอบร้านที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย 2 ร้าน โดยหนึ่งในนั้นเป็นร้านที่สภ.ช้างเผือก จังหวัดเชียงใหม่ ได้เข้าจับกุมร้านอาหารดังกล่าว

โดยได้แจ้งข้อกล่าวหากับร้าน ในข้อหา จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินเวลา เนื่องจากไม่ได้จดตั้งเป็นสถานบริการ แต่ที่เกิดความเสียหายกับชุดปฏิบัติการพิเศษเพราะ บางสำนักข่าว ได้นำเสนอข่าวบิดเบือนว่า ชุดปฏิบัติการพิเศษ ได้เลี้ยงฉลองความสำเร็จ และมีการอนุญาตให้ร้านเปิดเกินเวลาได้ มันไม่เกี่ยวกัน ที่มีสื่อนำเสนอไปขยายข่าว อาจจะทำให้เกิดความเสื่อมเสียกับชุดเราที่อาจไปขัดผลประโยชน์กับผู้ประกอบการบางหลาย

“และต่อจากนี้ ผมจะปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องห่วง ข่าวพวกนี้ไม่มีผลกับชุดปฏิบัติการของผมฯ ทั้งสิ้น ยังคงทำงานเหมือนเดิม และก็เคลียร์ไม่ได้เหมือนเดิม ใครที่มาเคลียร์ เอาเงินมาเคลียร์เพื่อไม่ให้จับ แสดงตัวด้วย หรือเอาหลักฐานมา ไม่มีเด็ดขาดไม่อย่างนั้นชุดนี้อยู่ไม่ได้ แต่เขาก็ต้องหาทางทำลายชุดปฏิบัติการฯ ทางผู้ประกอบการสีเทา ไม่ต้องห่วงพวกท่านก็เป็นเป้าอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่ชุดปฏิบัติการพิเศษของกรมการปกครอง ก็จะเป็นชุดของจังหวัด อำเภอ ที่กระทรวงมหาดไทยได้ตั้งขึ้นมาทุกท้องที่ ”

นายรณรงค์ กล่าว

นายรณรงค์ ยังปฏิเสธกรณีที่มีสื่ออ้างว่า ชุดปฏิบัติการฯปล่อยให้เด็กที่อายุไม่ถึง 20 ปี เข้าไปในสถานบันเทิง ว่า ตนได้สอบถามไปยังเจ้าของร้านพบว่า ได้แจ้งกับตำรวจว่า เด็กคนดังกล่าวเป็นแฟนของบาร์เทนเดอร์ที่ทำงานอยู่ในร้าน ซึ่งจะมารอรับแฟนกลับบ้านทุกวัน ตำรวจก็รับทราบและดำเนินคดี กับเจ้าของร้านแค่ข้อหาขายแอลกอฮอล์เกินเวลาที่กฎหมายกำหนด เพียงข้อหาเดียว ไม่มีข้อหาตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และหลักการปฏิบัติของชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง

จัดชุดสืบสวนเข้าไปทำงานรวบรวมและนำข้อมูลกลับมาที่ส่วนกลาง เพื่อวางแผน จัดลำดับความสำคัญ อันไหนจะป้องกันสังคมได้ก่อน เช่น กรณี เลอเนิร์ฟผับ เพราะเป็นผับดัดแปลง เอาบ้านไม้เพดานต่ำมาทำ เด็กเข้าไปแออัด เบียดเสียด 242 คน หากเกิดกรณีไฟไหม้ไม่มีทางหนีไฟเหมือนผับที่สัตหีบจะทำอย่างไร อีกทั้งผู้ที่ไปใช้บริการยังเป็นเยาวชนร้อยละ 90 อายุไม่ถึง 20 ปีจึงต้องรีบคุ้มครองสวัสดิภาพ ความปลอดภัย

เมื่อถามว่าจะดำเนินการอย่างไร กับสำนักข่าวที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดกับชุดปฏิบัติการ นายรณรงค์ กล่าวว่า ขอฝาก ไปยังสื่อบางสำนัก ที่เป็นต้นเรื่องนำเสนอข่าวบิดเบือน ให้โอกาสแก้ไขข่าวให้ถูกต้อง ถ้ายังไม่แก้ไขข่าวให้ถูกต้องตามความเป็นจริง จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด รวมถึงสื่อเจ้าอื่น ถ้าทราบข้อเท็จจริงที่ออกมาจากปากตนซึ่งเป็นหัวหน้าชุด ถ้าชุดปฏิบัติการฯไปนั่งกินเลี้ยงเมื่อคืนนี้(2 พย.)จริง จะมานั่งแถลงข่าวตรงนี้ได้อย่างไร

เพราะเมื่อวานก็มีการประชุมกันอยู่ ดังนั้นชัดเจนถ้ายังนำไปเสนอข่าวแบบบิดเบือนอยู่ เข้าใจว่าข่าวแบบนี้ สนุก ได้รับความสนใจ แต่สื่อก็ทราบข้อเท็จจริงแล้ว ณ วันนี้เป็นต้นไป หลังจากเวลา 14.00 น. ถ้ามีการเสนอข่าวบิดเบือนอีก จะเก็บหลักฐานไว้ เป็นการปกป้องชุดปฏิบัติการฯ ซึ่งเป็นทีมงาน พร้อมย้ำว่า เราทำไม่มีเรื่องผลประโยชน์ ขอท้า ถ้ามีหลักฐาน และร้านไหนที่บอกว่ามาเคลียร์แล้ว บอกมาเลยผมจะจับเอง

อย่างไรก็ตาม ขอเน้นย้ำชุดปฏิบัติการพิเศษทำงานแค่ 3 ช่องทาง คือ 1.ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย 2.ทำงานภายใต้หลักการกระทรวง หน่วยงานราชการ ประสานงานมา และ 3.ผู้บังคับบัญชาสั่งการมาเป็นพิเศษ ไม่สามารถดำเนินการตามอำเภอใจ

ส่วนมองว่าถูกเอาคืนจากการปฏิบัติการ หรือไม่ นายรณรงค์ กล่าวว่า ขออย่ามองแบบนั้น เพราะหากไปขยายข่าว ว่าเป็นการเอาคืนหรือไม่เอาคืน มันไม่ใช่ ทุกวันนี้ทำงานให้กับประชาชนสื่อโชเชี่ยวมีเดี่ยข้อมูลข่าวสารมาจำนวนมาก ที่ผ่านมาเราบูรณาการร่วมกับหน่วยงาน เช่น ป.ป.ส.

เมื่อถามย้ำว่า การทำงานอาจจะมีการทับซ้อนกับตำรวจในพื้นที่จะเป็นปัญหาหรือไม่ นายรณรงค์ กล่าวว่า เป็นการช่วยกันทำงาน ประเทศไทยมีหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย ทั้งฝ่ายปกครองและตำรวจ มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยให้ประชาชนเช่นกัน ความผิดที่มีโทษในอาญาสามารถจับได้เหมือนกัน แต่ที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทยมีหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แต่ปัจจุบันภัยคุกคามทางออนไลน์มีมากขึ้น ดังนั้นส่วนกลางก็ลงไปทำงานร่วมกับตำรวจ หลังจากนี้จะมีการประสานงานกับตำรวจมากขึ้นเพื่อแบ่งหน้าที่ ทำงานเสริมกันไป


ข่าวที่เกี่ยวข้อง