คัดลอก URL แล้ว
DAY 19 : อิสราเอล-ฮามาส โจมตีกันหนักขึ้น / อิสราเอลเดือด ประชุมยูเอ็น

DAY 19 : อิสราเอล-ฮามาส โจมตีกันหนักขึ้น / อิสราเอลเดือด ประชุมยูเอ็น

สถานการณ์การสู้รบระหว่างกองทัพอิสราเอลและกองกำลังฮามาสในอิสราเอลและฉนวนกาซาเข้าสู่วันที่ 19 แล้ว อิสราเอลยังคงเดินหน้าโจมตีทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่กองกำลังฮามาสเปิดการโจมตีด้วยจรวดและปืนครกหนักมากยิ่งขึ้น

อิสราเอลเดินหน้าโจมตีหนักต่อเนื่อง

กองทัพอิสราเอลยังคงเดินหน้าโจมตีเป้าหมายในฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่องในหลายจุดด้วยกัน เช่นที่เมืองข่าน ยูนิส บริเวณใกล้กับ สำนักงานใหญ่ของสภาเสี้ยววงเดือนโรงพยาบาลอัล-อามัล

กองทัพอิสราเอลยืนยันว่า จะยังคงเดินหน้าการโจมตีทางอากาศต่อไป เพื่อเตรียมพร้อมต่อการปฏิบัติภารกิจในขั้นถัดไป คือ การเปิดปฏิบัติการทางภาคพื้นดินต่อฉนวนกาซา เพื่อกวาดล้างกองกำลังฮามาส โดยในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา กองทัพอิสราเอลโจมตีเป้าหมายในฉนวนกาซากว่า 300 จุด

โดยทางอิสราเอลระบุว่า ในการโจมตีที่ผ่านมา สามารถสังหารผู้นำระดับสูงของกลุ่มฮามาสได้หลายรายแล้ว และกลุ่มฮามาสยังคงมีความพยายามในการบุกแทรกซึมเข้ามายังดินแดนของอิสราเอลด้วย ซึ่งอิสราเอลอ้างว่า กองกำลังฮามาสมีเป้าหมายที่จะแทรกซึมเข้าไปโจมตียังฐานทัพเรือซิคิม ที่อยู่ทางตอนเหนือ

นอกจากนี้ กองทัพอิสราเอลยังได้โปรบใบปลิวที่มีข้อความให้ชาวปาเลสไตน์ที่มีเบาะแสที่คุมขังตัวประกันกว่า 200 รายที่ถูกฮามาสจับกุมตัวไว้ในฉนวนกาซากับกองทัพอิสราเอลอีกด้วย

ฮามาสยิงจรวด-ปืนครกถล่มหลายจุด

ในรอบวันที่ผ่านมา การโจมตีของทางฝั่งฮามาสยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะทางตอนกลางของอิสราเอล รวมถึงกรุงเทลอาวีฟ กลุ่มฮามาสได้มีการโจมตีอย่างมาในช่วงคืนที่ผ่านมา รวมถึงความพยายามในการแทรกซึมเข้าไปยังพื้นที่ของอิสราเอลอีกด้วย

ส่วนบริเวณโดยรอบของฉนวนกาซา ยังคงมีการโจมตีด้วยจรวจดและปืนครกไปยังที่มั่นทางทหารของกองทัพอิสราเอลเช่นกัน ในพื้นที่ใกล้เคียงกันกับที่มีการโจมตีในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา

ซึ่งรายงานของทางกลุ่มฮามาสระบุว่า มีนักรบของฮามาสได้รับบาดเจ็บจำนวน 6 นาย จาก 15 นาย จากปฏิบัติการทางตอนเหนือของฉนวนกาซา ในจุดเป้าหมายคือ ฐานทัพเรือซิคิม

นอกจากนี้ ยังได้กล่าวประณามการโจมตีของอิสราเอลว่า การโจมตีที่เกิดขึ้นในขณะนี้กำลังทำให้ตัวประกันที่ถูกจับกุมตัวอยู่ได้รับอันตราย และการโจมตีนั้นมีเป้าหมายที่จะสังหารตัวประกันที่ถูกจับเป็นเชลยในขณะนี้

เวสต์แบงก์ยังคงปะทุเดือด

สถานการณ์ในเขตเวสต์แบงก์มีความดุเดือดมากยิ่งขึ้น โดยอิสราเอลมีการโจมตีทางอากาศเป็นครั้งที่สองในรอบสัปดาห์นี้ พร้อมทั้งมีการตัดไฟฟ้าและส่งกองกำลังพร้อมยานเกราะเข้าพื้นที่ ส่งผลให้มีการยิงปะทะกันของทั้งสองฝ่ายยาวนานหลายชั่วโมง

ทางการอิสราเอลรายงานว่า สามารถสังหารกองกำลังสนับสนุนปาเลสไตน์ได้ 5 นาย จากการโจมตีทางอากาศ

อย่างไรก็ตาม การเปิดปฏิบัติการของกองทัพอิสราเอลในการบุกเข้าตรวจค้น จับกุมกลุ่มแนวร่วม และแกนนำคนสำคัญในเขตเวสต์แบงก์นั้น ส่งผลให้การปะทะกันในหลายจุดลดลง

พรมแดนอิสราเอล-เลบานอนปะทะต่อเนื่อง

ทางตอนเหนือของอิสราเอลบริเวณพรมแดนอิราเอลและเลบานอน รวมถึงที่ราบสูงโกลัน ยังคงมีการโจมตีจากกลุ่มฮิซบุลลอห์ โดยการโจมตีด้วยอาวุธนําวิถีต่อต้านรถถัง (ATGM) ซึ่งกลุ่มฮิซบุลลอห์อ้างว่า เป็นการโจมตีที่มุ่งเป้าไปยังหน่วยข่าวกรองในพื้นที่ของอิสราเอล

ทางด้านของกองทัพอิสราเอลได้มีการโจมตีตอบโต้กลับ รวมถึงมีการส่งเครื่องบินเข้าไปโจมตียังสนามบินของซีเรียด้วย โดยตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา อิสราเอลได้โจมตีทางอากาศรวมแล้ว 5 ครั้ง ไปยังสนามบินนานาชาติดามัสกัสและอเลปโป ของซีเรีย ซึ่งอิสราเอลระบุว่า เพื่อสกัดกั้นความพยายามของอิหร่านในการส่งมอบอาวุธและกองกำลังในซีเรีย

และที่ผ่านมา กองทัพอิสราเอลได้ทำลายจุดเป้าหมายที่เชื่อว่า เป็นที่เก็บอาวุธของกลุ่มฮิซบุลลอห์ได้อย่างน้อย 3 แห่งในช่วงหลายวันที่ผ่านมา

ยอดเสียชีวิตพุ่ง หลังอิสราเอลถล่ม

กระทรวงสาธารณสุขของเขตกาซาได้รายงาน ในรอบวันที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตจาการโจมตีของอิสราเอลเพิ่มอีกกว่า 700 ราย นับเป็นยอดการเสียชีวิตที่สูงที่สุดในรอบ 24 ชั่วโมง นับตั้งแต่มีการโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซามากกว่า 5,800 รายแล้ว

เจ้าหน้าที่ของสหประชาชาติระบุว่า ฉนวนกาซามีความจำเป็นที่จะต้องได้รับการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิง เนื่องจากระบบสาธารณสุขในฉนวนกาซากำลังจะล่มสลาย

ในขณะที่ทางการอิสราเอลยังคงไม่อนุญาตให้มีการส่งน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปยังฉนวนกาซา โดยระบุว่า กลุ่มฮามาสยังคงแอบนำน้ำมันเชื้อเพลิงไปใช้ ไม่ว่าจะเป็นการปั่นไฟในเครือข่ายอุโมงค์ใต้ดิน ตลอดจนการเคลื่อนไหวโจมตีอิสราเอล และฉนวนกาซามีน้ำมันที่กักตุนอยู่อีกราว 5 แสนลิตรที่กำลังถูกกลุ่มฮามาสนำไปใช้ด้วย ดังนั้น โรงพยาบาลต่าง ๆ จึงควรไปขอน้ำมันจากทางด้านของกลุ่มฮามาส แทนการส่งเข้าไปช่วยเหลือ

ประชุม UN อิสราเอลเดือด

เมื่อคืนที่ผ่านมา มีการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UN) โดยมีตัวแทนจากหลายชาติเข้าร่วมในการอภิปรายที่ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 7 ต.ค. 2566 ภายหลังจากกลุ่มฮามาสเปิดฉากเข้าโจมตีอิสราเอล

โดยนาย อันโตนิโอ กูร์เตียร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติได้กล่าวประณามการโจมตีของกลุ่มฮามาส แต่ก็ระบุว่า เหตุที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เหตุผลที่อิสราเอลจะใช้ในการเข้ายึดครองฉนวนกาซา

“สิ่งสำคัญคือ ต้องตระหนักว่า การโจมตีของกลุ่มฮามาสนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจากความว่างเปล่า แต่เป็นเพราะชาวปาเลสไตน์ถูกยึดครอง ถูกกลืนกินดินแดนมาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 56 ปีแล้ว”

และจากคำกล่าวของเลขาธิการสหประชาชาตินั้นส่งผลให้ ตัวแทนของอิสราเอลประจำ UN ไม่พอใจต่อคำกล่าวอย่างมาก และมีรายงานว่า ได้มีการยกเลิกการประชุมร่วมกันระหว่าง รมต.ต่างประเทศของอิสราเอล กับเลขาธิการสหประชาชาติ พร้อมทั้งเรียกร้องให้เลขาธิการสหประชาชาติลาออกจากตำแหน่ง โดยได้ระบุว่า เด็ก ผู้หญิง รวมถึงพลเรือนของอิสราเอลตกเป็นเหยื่อของความชั่วร้าย ไม่ว่าท่านจะอยู่ในโลกไหนก็ตาม แต่นั่นไม่ใช่โลกที่เรากำลังอาศัยอยู่

ด้านนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังคงสนับสนุนอิสราเอล โดยยืนยันในสิทธิการป้องกันตัวเอง และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ ทางทูตอิหร่านได้กล่าวว่า สหรัฐฯ กำลังทำให้ความขัดแย้งในภูมิภาครุนแรงมากขึ้น

ส่วนผู้แทนของกาตาร์ประจำสหประชาชาติยังคงพยายามเจรจาหาทางออกของทั้งสองฝ่าย และเรียกร้องให้มีการหยุดยิงทั้งสองฝ่าย พร้อมทั้งประณามการโจมตีไปยังพลเรือนทุกรูปแบบ โดยย้ำว่า การไกล่เกลี่ยและการเจรจา เป็นทางออกของปัญหานี้อย่างสันติ

แนวโน้มตะวันออกกลางกำลังขยายตัว

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอิสราเอลกำลังส่งผลให้ความตึงเครียดในภูมิภาคมีเพิ่มมากขึ้น โดยเครื่องบินของกองทัพอากาศอิสราเอลได้โจมตีไปยังพื้นที่เป้าหมายบางแห่งในซีเรีย และมีการยิงปืนครกเข้าไปยังจุดเป้าหมายที่เชื่อว่า เป็นที่ตั้งของกองกำลังฮิซบุลลอห์ในซีเรีย โดยในขณะนี้ ทางการซีเรียยังไม่มีท่าทีหรือออกแถลงการณ์ใด ๆ เพิ่มเติม

ในขณะที่การโจมตีไปยังฐานทัพสหรัฐฯ ในอิรักและซีเรียมีแนวโน้มมากขึ้น ส่งผลให้มีเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 20 ราย จากการโจมตีที่เกิดขึ้นในช่วงวันที่ 17 – 24 ต.ค. 2566

เร่งเจรจาปล่อยตัวประกันเพิ่ม

ภายหลังจากปล่อยตัวตัวประกันของกลุ่มฮามาส ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่า การเจรจาของกลุ่มฮามาสนั้นมีความเป็นไปได้ ทำให้หลายฝ่ายพยายามเร่งการเจรจากับทางกลุ่มฮามาส โดยหวังว่า จะมีการปล่อยตัวผู้ที่ยังคงถูกจับกุมอยู่ในขณะนี้

ซึ่งหลายฝ่ายมองว่า การโจมตีของอิสราเอลที่เกิดขึ้นนั้น ส่งผลกระทบต่อการเจรจาปล่อยตัวประกัน รวมถึงการให้ความช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์และชาวต่างชาติที่ยังคงติดค้างอยู่ในฉนวนกาซาทำได้ยากขึ้นด้วย


ข่าวที่เกี่ยวข้อง