นางซ่อนกลิ่น ในวัย 82 ปี เดินทางไปที่สถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ เพื่อให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน โดยมีลูกชายติดตามมาด้วย นางซ่อนกลิ่น เข้าให้ปากคำในคดีถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงให้โอนเงินเสียหายประมาณ 2,580,000 บาท

หลักฐานสำคัญที่ผู้เสียหายส่งให้กับตำรวจคือข้อความการสนทนาผ่านแอพพลิเคชั่น LINE กับมิจฉาชีพที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ง. และตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต

นายตระกูล ลูกชายผู้เสียหาย เปิดเผยว่า คอลเซ็นเตอร์โทรมาหาแม่เมื่อวันที่ 14 กันยายน หลอกลวงเรื่องการส่งพัสดุต้องสงสัย และเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ ต้องให้ ป.ป.ง. ตรวจสอบการเงิน จากนั้นมิจฉาชีพก็เริ่มสอนให้แม่เปิดแอพพลิเคชั่นของธนาคารและสำเร็จ 1 ธนาคาร ส่วนอีกธนาคารลูกชายบอก ต้องขอชื่นชมเจ้าหน้าที่เพราะไม่ยินยอมให้ผู้สูงอายุเปิดใช้ตามลำพังต้องมีลูกมารับรองการเปิดใช้งาน

หลังจากมิจฉาชีพหลอกแม่เปิดแอพสำเร็จก็ยังคุยผ่านไลน์มาตลอด และทยอยถอนเงินออกไปจากบัญชี พบประวัติการถอนเงินออกจากบัญชี ปลายทางโอนไปบัญชีต่างกันประมาณ 20 บัญชี โดยโอนตั้งแต่หลักร้อยบาทไปจนถึงหลักหนึ่งล้านบาท และยอดสุดท้ายที่ถอนออกคือ 1,556 บาท 31 สตางค์ เป็นเงินก้อนสุดท้ายที่เหลืออยู่ในบัญชี

เหตุการณ์นี้ทำให้คุณยายเครียดและเสียใจมาก ถึงขั้นเขียนจดหลายสั่งลา ก่อนทานยานอนหลับไป 40 เม็ด แต่ลูกหลานช่วยเหลือได้ทัน

ขณะนี้ตำรวจอายัดได้ 13 บัญชี และพนักงานสอบสวนได้ส่งคำข้อมูลชื่อเจ้าของบัญชีกับธนาคาร เพื่อเป็นหลักฐานขอหมายจับแล้ว

นอกจากนี้ยังมี บทสนทนาผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ตลอดช่วงเวลาประมาณหนึ่งเดือน มิจฉาชีพติดต่อกับผู้เสียหายเป็นระยะ ถามไถ่ห่วงใยเพื่อให้ผู้เสียหายไว้ใจ แต่แม้ว่า ผู้เสียหายจะบอกเล่าเรื่องชีวิตประจำวันให้ฟังพร้อมปรับทุกข์บ่อยครั้ง

เรื่องอาการป่วยของสามีอายุ 83 ปี และบอกถึงความจำเป็นในการใช้เงินเพื่อดูแลสามี แต่ลับหลังมิจฉาชีพกลับถอนเงินไม่หยุด จนไม่เหลือเงินในบัญชีเงินฝากทั้ง 2 บัญชี แม้แต่บาทเดียว

หากเจอเหตุการณ์แบบนี้จะต้องทำอย่างไร เรารวบรวมช่องทางการแจ้งความออนไลน์ 24 ชั่วโมง ช่องทางแรกแจ้งเข้าไปยัง เว็บไซต์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ https://www.thaipoliceonline.com และสายด่วน กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เบอร์ 1441