คัดลอก URL แล้ว
DAY 15 : ฮามาสปล่อยตัวประกันอเมริกัน 2 ราย / อาหรับเริ่มคุ

DAY 15 : ฮามาสปล่อยตัวประกันอเมริกัน 2 ราย / อาหรับเริ่มคุ

สถานการณ์เข้าสู่วันที่ 15 หลังจากกลุ่มฮามาสเปิดฉากโจมตีอิสราเอล เมื่อเช้าตรู่วันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา ทำให้อิสราเอลประกาศเปิดปฏิบัติการ “Swords of Iron” โจมตีไปยังฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับทางกลุ่มฮามาสที่ยังคงโจมตีออกมาจากฉนวนกาซาไปยังหลายจุดของอิสราเอล

นอกจากนี้ สถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มคุกรุ่นมากยิ่งขึ้น หลังกลุ่มกบฏฮูติที่ถูกล่าวว่าได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ได้มีการยิงขีปนาวุธออกมาเป็นวันที่ 3 โดยมีเป้าหมายในหลายจุด แต่ถูกกองทัพสหรัฐฯ สามารถยิงสกัดกั้นได้

โจมตีฉนวนกาซาต่อเนื่อง

ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา กองทัพอิสราเอลยังคงเดินหน้าโจมตีทางอากาศไปยังพื้นที่เป้าหมายหลายจุดในฉนวนกาซา โดยเฉพาะในช่วงเช้าวันนี้ มีรายงานระบุว่า ผลจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลไปยังบริเวณใกล้เคียงกับ Al-Shifa Medical Complex ทางตอนเหนือของฉนวนกาซา ส่งให้อินเตอร์ในพื้นที่ทางตอนเหนือฉนวนกาซาไม่สามารถใช้งานได้

ซึ่งกระแสข่าวการเตรียมพร้อมในการบุกฉนวนกาซาทางภาคพื้นดินยังคงมีอยู่ ซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของอิสราเอล ได้กล่าวว่าถึงการบุกภาคพื้นดินว่า อีกไม่นานคุณอาจจะได้เห็นฉนวนกาซาที่ใกล้ชิดขึ้น ซึ่งมันจะเกิดขึ้นเมื่อคำสั่งมาถึง

เช่นเดียวกับ นายกฯ เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ได้ย้ำอย่างชัดเจนว่า จะเดินหน้าโจมตีไปยังศัตรูของอิสราเอล เพื่อให้บรรลุเป้าหมายและเพื่อชัยชนะ นอกจากนี้

ทางด้านของสำนักข่าวในอิสราเอลได้รายงานอ้างว่า มีความพยายามของกลุ่มฮามาสในการโจมตีไปยังแท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของอิสราเอล

กองทัพอิสราเอลระบุว่า สามารถสังหารผู้นำและแกนนำคนสำคัญของกลุ่มฮามาสได้ โดยล่าสุดอ้างว่า สามารถสังหารวิศวกรอาวุโสของกลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการผลิตอาวุธให้กับกลุ่มฮามาส

ฮามาสปล่อยตัวประกัน 2 คน

กลุ่มฮามาสยังคงมีการโจมตีด้วยจรวดและปืนครกออกมาจากฉนวนกาซายังที่ตั้งหลายจุด โดยเฉพาะที่ตั้งกองกำลังของอิสราเอลที่ปิดล้อมฉนวนกาซา มีรายงานว่า กลุ่มปาเลสไตน์อิสลามญิฮาด (PIJ) ได้ร่วมในการโจมตีมายังอิสราเอลด้วยบางส่วน

นอกจากนี้ ยังมีรายงานการโจมตีไปยังที่ตั้งกองกำลังของอิสราเอล โดยการใช้โดรนเพิ่มขึ้นในช่วง 2 วันที่ผ่านม า รวมถึงการใช้ขีปนาวุธนำวิถีต่อต้านรถถัง (ATGM) ไปยังแนวยานเกราะของอิสราเอล

นอกจากนี้ ความเคลื่อนไหวสำคัญเกิดขึ้นอีกครั้ง ภายหลังจากกลุ่มฮามาสได้ปล่อยตัวประกันชาวอเมริกันจำนวน 2 รายที่ถูกควบคุมตัวไว้ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีการปล่อยตัวประกัน นับตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. ที่มีการเปิดฉากปฏิบัติการโจมตีฉับพลันต่ออิสราเอล โดยโฆษกของกลุ่มฮามาสได้ออกแถลงการระบุว่า เป็นการยืนยันถึงข้อกล่าวหาที่เป็นเท็จของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เมื่อวันที่ 19 ต.ค.

อย่างไรก็ตาม อิสราเอลยังคงยืนยันว่า จะเดินหน้าโจมตีต่อฉนวนกาซาต่อไป แม้จะมีการปล่อยตัวประกันชาวอเมริกัน รวมถึงพร้อมที่จะเดินหน้าการบุกภาคพื้นดินเข้าไปยังฉนวนกาซาด้วย ทันทีที่ได้รับไฟเขียวให้ปฏิบัติการ

เวสต์แบงก์ยังระอุ

การชุมนุมและประท้วงของชาวปาเลสไตน์ในเขตเวสต์แบงก์ยังคงมีเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายจุด และส่งผลให้มีการยิงปะทะกัน ซึ่งทางการอิสราเอลเชื่อว่า ความเคลื่อนไหวต่าง ๆ เหล่านี้ เกิดขึ้นจากการที่กลุ่มฮามาสต้องการขยายขอบเขตการปะทะของอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส แต่สถานการณ์ยังคงไม่ลุกลามบานปลายขึ้นเป็นการสู้รบขนาดใหญ่

โดยแนวโน้มของการปะทะกันในเขตเวสต์แบงก์มีแนวโน้มที่สูงขึ้นตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค. ภายหลังเหตุการณ์ระเบิดโรงพยาบาล Al-Ahli ในเขตเวสต์แบงก์ ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีรายงานระบุว่า มีชาวปาเลสไตน์ในเขตเวสต์แบงก์เสียชีวิตเพิ่มอีกกว่า 10 ราย

ทางการอิสราเอลระบุว่า สามารถจับกุมชาวปาเลสไตน์จากเหตุความวุ่นวายในเขตเวสต์แบงก์แล้วกว่า 400 คน โดยในจำนวนนี้ราวครึ่งหนึ่งเชื่อว่า เป็นสมาชิกของกลุ่มฮามาส

พรมแดนอิสราเอล-เลบานอนยังเดือด

สสถานการณ์การปะทะกันของกลุ่มฮิซบุลลอห์ กับกองทัพอิสราเอลบริเวณพรมแดนระหว่างอิสราเอลกับเลบานอนยังคงดุเดือด มีการโจมตีด้วยจรวดหลายสิบลูกมายังพื้นที่ตั้งของกองทัพอิสราเอลที่ตรึงกำลังอยู่บริเวณเขตปฏิบัติการทางทหารตามแนวพรมแดนระหว่างสองประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีรายงานการยิงปะทะกันมากขึ้นในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า รวมถึงมีการใช้ขีปนาวุธนำวิถีต่อต้านรถถัง (ATGM) ในการโจมตีไปยังแนวยานเกราะของอิสราเอลด้วย ส่งผลให้ในขณะนี้มีทหารของอิสราเอลเสียชีวิตจากการปะทะกันแล้วอย่างน้อย 6 ราย ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา

กองทัพอิสราเอลเดินหน้าตอบโต้ไปยังกลุ่มฮิซบุลลอห์ในเลบานอนต่อเนื่อง โดยมีการขยายขอบเขตการตอบโต้เพิ่มขึ้นด้วยการใช้การโจมตีทางอากาศไปยังพื้นที่เป้าหมายทางตอนใต้ของเลบานอน

ส่วนทางด้านกลุ่มฮิซบุลลอห์ยังคงใช้การโจมตีด้วยขีปนาวุธนำวิถีต่อต้านรถถังหรือ ATGM ไปที่ตั้งยานเกราะของกองกำลังอิสราเอล ด้านอิสราเอลอ้างว่า สามารถสกัดกั้นโดรนโจมตีได้บางส่วน ซึ่งยังไม่สามารถระบุได้ว่า โดรนเหล่านี้เป็นของฝ่ายใดกันแน่

ยอดผู้เสียชีวิตยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ

สำหรับยอดผู้เสียชีวิตในขณะนี้ โดยเฉพาะในฉนวนกาซา ที่ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดจากทางกระทรวงสาธารณสุขของปาเลสไตน์อยู่ที่มากกว่า 4,137 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีกอย่างน้อย 12,000 ราย โดยสหประชาชาติประเมินว่า 70% ของผู้เสียชีวิตเป็นผู้หญิงและเด็ก นอกจากนี้ยังคงมีผู้สูญหายอีกกว่า 1,000 ราย ที่เชื่อว่า ยังคงติดค้างอยู่ภายใต้ซากปรักหักพังจากการโจมตีของอิสราเอง ซึ่งที่อยู่อาศัยราว 30% ในฉนวนกาซาได้รับความเสียหายส่งผลให้มีชาวปาเลสไตน์กว่า 1.4 ล้านคนต้องอพยพไปยังศูนย์พักพิงฉุกเฉินจำนวนกว่า 140 แห่งที่อยู่ภายในการดูแลของสหประชาชาติ ท่ามกลางวิกฤติการขาดแคลนน้ำ อาหาร เวชภัณฑ์ต่าง ๆ อย่างมาก

ในขณะที่สถานการณ์ภายในฉนวนกาซายังคงเผชิญกับการขาดแคลนเวชภัณฑ์สำหรับการช่วยเหลือผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บในเหตุการณ์สู้รบที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่ในขณะนี้ และการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมยังคงไม่สามารถจัดส่งเข้าไปได้ เนื่องจากด่านราฟาห์นั้น ยังคงไม่สามารถนำส่งได้

สิ่งของบรรเทาทุกข์ และความช่วยเหลือต่าง ๆ ยังคงจอดรออยู่บริเวณพรมแดนอิยิปต์พร้อมที่จะจัดส่งเข้าไปยังฉนวนกาซาได้ทันที หากได้รับไฟเขียวเปิดด่านพรมแดน เนื่องจากฉนวนกาซายังคงถูกอิสราเอลปิดล้อมแบบเบ็ดเสร็จ และยังคงมีการโจมตีไปยังจุดต่าง ๆ ในฉนวนกาซาอยู่

ในวันนี้ (21 ต.ค. 66) มีการประชุมสันติภาพในกรุงไคโร ประเทศอิยิปต์ เพื่อหารือเกี่ยวกับหาทางออกในการลดระดับของสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างอิสราเอลและฮามาส โดยประกอบไปด้วยผู้นำประเทศจากตะวันออกกลาง ยุโรป แอฟริกาใต้ ญี่ปุ่นและสหราชอาณาจักร

ทางด้านของโรงพยาบาลหลายแห่งในทางตอนเหนือของฉนวนกาซายังคงปฏิเสธการย้ายผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลไปยังตอนใต้ตามคำสั่งของกองทัพอิสราเอล ด้วยเหตุผลจำเป็นที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บ หรือผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลได้ เพราะไม่ต่างจากการสังหารผู้ป่วยเหล่านั้น

ทำให้โรงพยาบาลหลายแห่งกลายเป็นจุดพักพิงของผู้อพยพชาวปาเลสไตน์จำนวนมาก ท่ามกลางความหวาดระแวงว่า อาจจะมีการโจมตีไปยังโรงพยาบาลอีก

จับตาเหตุปะทะขยายวง

ในขณะเดียวกันมีรายงานระบุว่า มีการโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ ที่ตั้งอยู่ในซีเรีย และอิรัก เป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน โดยกลุ่มกองกำลังติดอาวุธที่เชื่อว่า เป็นกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน

การโจมตีที่เกิดขึ้นในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีเป้าหมายไปยังกองกำลังสหรัฐฯ ที่ตั้งอยู่ในสนามบินนานาชาติแบกแดด และฐานทัพอากาศอัลฮารีร์ในอิรัก โดยกองกำลังติดอาวุธยังคงขู่ว่า จะมีการโจมตีกองกำสหรัฐฯ ในตะวันออกกลางต่อไป

นอกจากนี้ มีรายงานว่า กลุ่มกบฏฮูตีได้มีการยิงมิสไซล์ โดยมีเป้าหมายที่อิสราเอล แต่ถูกสกัดกั้นจากกองทัพเรือสหรัฐฯ สถานการณ์เกิดขึ้น ซึ่งเมือคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า ในช่วง 2 คืนที่ผ่านมา เรือยูเอสเอส คาร์นีย์ (DDG-64) สามารถสกัดกั้นขีปนาวุธนำวิถี และโดรนโจมตีหลายลำของกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนได้หลายครั้ง

ทำให้หลายฝ่ายจับตาดูเพิ่มเติมว่า จะส่งผลให้สงครามระหว่างอิสราเอล – ฮามาสจะกลายเป็นปมลุกลามออกไปอีกหรือไม่ โดยยังคงมุ่งเป้าไปที่กลุ่มกองกำลังติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน

ซึ่งในช่วง 3 วันที่ผ่านมานี้ มีรายงานความพยายามโจมตีไปยังที่มั่นของกองทัพสหรัฐฯ แล้วเกือบ 10 ครั้ง ท่ามกลางกระแสข่าวลือที่อ้างว่า อิหร่านอาจจะใช้ซีเรียเป็นแนวรบที่ 2 ในสงครามอิสราเอล-ฮามาส พร้อมทั้งมีการเคลื่อนย้ายอาวุธและกระสุนของกลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านเข้าไปยังพื้นที่ของซีเรียเพิ่มมากขึ้น