เคทีซีส่งไม้ต่อกลุ่มผู้บริหารรุ่นใหม่ ปักธงพัฒนา 3 แกนหลัก “คน กระบวนการ เทคโนโลยี” พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์และบริการ โดยใช้เทคโนโลนยี AI สนับสนุนการทำงานร่วมกันแบบไร้รอยต่อ ยกระดับการใช้งานอย่างสะดวกและปลอดภัย พร้อมตั้งเป้าปี 67 ยอดใช้บัตรเติบโต 15% มีบัตรใหม่เพิ่ม 2.3 แสนใบ
นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเคทีซี หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2567 ทีมบริหารรุ่นใหม่ ที่มีนางพิทยา วรปัญญาสกุล ซึ่งร่วมงานกับเคทีซีมายาวนานถึง 26 ปี จะเริ่มบทบาท CEO ใหม่ในวันที่ 1 มกราคม 2567 รวมทั้งทีมผู้บริหารระดับสูงในสายงานต่างๆ ซึ่งล้วนเป็นคนที่ร่วมงานกับเคทีซีมายาวนาน มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญสูงในงาน เข้าใจในวัฒนธรรมองค์กร ที่สำคัญมีดีเอ็นเอของความเป็นเคทีซีอยู่เต็มเปี่ยม จึงมั่นใจได้ว่าทีมบริหารชุดใหม่นี้ จะสามารถส่งต่อและสานต่อหน้าที่และภารกิจสำคัญของเคทีซีให้สำเร็จได้อย่างราบรื่นต่อเนื่อง
นางพิทยา วรปัญญาสกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส กลุ่มงานการตลาดและสื่อสารองค์กรเคทีซี กล่าวถึงทิศทางธุรกิจเคทีซีในปี 67 จะสานต่อวิสัยทัศน์และความสำเร็จที่ผ่านมา โดยจะทำธุรกิจให้มีผลกำไรเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ควบคู่กับการทำธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ โปร่งใส มีธรรมาภิบาล และสานต่อค่านิยมองค์กร (Core Value) ได้แก่ 1. กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง 2. ทำให้ง่าย ไม่ซับซ้อน และ 3. ทำสิ่งที่มีความหมายและเป็นประโยชน์
นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการนำพาธุรกิจเคทีซีต่อจากนี้จะตั้งอยู่บน 3 องค์ประกอบคือ คน-กระบวนการ-เทคโนโลยี เริ่มจากคน ซึ่งในปีหน้าจะมุ่งพัฒนาและส่งเสริมความเป็นผู้นำของผู้บริหารรุ่นใหม่ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น พร้อมทั้งพัฒนาผู้บริหารระดับกลาง เน้นสร้างความเป็นผู้นำเพื่อจะร่วมกันขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ และให้ความสำคัญกับการออกแบบและปรับกระบวนการทำงานให้กระชับรวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน โดยยึดสมาชิกเป็นศูนย์กลาง มีความเข้าใจความต้องการของสมาชิกและกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเพื่อทำการตลาด พร้อมทั้งปรับปรุง
ผลิตภัณฑ์และบริการของเคทีซี ยังคงให้ความสำคัญกับการใช้งานคลาวด์ ในโครงสร้างระบบทางด้านไอที รวมถึงการประมวลผลและจัดเก็บข้อมูล นอกจากนี้ ยังเห็นโอกาสในการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาเพิ่มศักยภาพขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงวิธีการที่ปัจจุบันเคทีซีได้ใช้ AI อยู่แล้วให้ใช้งานได้ดีขึ้น หรือเริ่มศึกษาทดลองและใช้ Generative AI ในกระบวนการทำงานต่างๆ ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างประสบการณ์ที่ดีต่อสมาชิก หรือเพื่อปรับปรุงคุณภาพของพอร์ตสินเชื่อ
สำหรับแผนกลยุทธ์ในการทำธุรกิจต่างๆ ในปี 2567 เคทีซี ตั้งเป้ามีสมาชิกบัตรใหม่เพิ่มขึ้น 230,000 ใบ และมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเติบโต 15% จากปัจจุบันที่มีผู้ถือบัตรอยู่ 2.6 ล้านใบ ส่วนปี 2566 มั่นใจว่าจะเติบโต 13% ตามเป้าหมาย โดยหลังจากนี้ เคทีซีจะเน้นบริหารพอร์ตเพี่อให้สมาชิกใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง โดยใช้เครื่องมือการตลาดเจาะกลุ่มลูกค้าแบบเซ็กเมนท์ และเน้นทำตลาดในกลุ่มผู้มีรายได้ต่อเดือน 5 หมื่นบาทขึ้นไป พร้อมทั้งเตรียมเปิดตัว “บัตรเครดิตเคทีซี ดิจิทัล” ในช่วงปลายปีนี้ เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือคนที่ชอบช้อปออนไลน์ เพื่อยกระดับความปลอดภัยในการใช้บัตรของลูกค้ามากขึ้น เนื่องจากจะไม่มีเลข CVV หลังบัตร ทุกครั้งที่จะใช้งานต้องขอเลข CVV และใช้จ่ายภายใน 24 ชม. อีกทั้งยังเป็นการลดปริมาณขยะบัตรพลาสติกอีกทางหนึ่ง ตั้งเป้ามีผู้ใช้งานเครดิตเคทีซี ดิจิทัล 50,000 ใบ ในปี 2567
ด้านสินเชื่อส่วนบุคคล ยังเป็นธุรกิจที่เราเน้นการเติบโตทางธุรกิจควบคู่ไปกับการบริหารพอร์ตสินเชื่อคุณภาพ โดยในปี 67 ตั้งเป้าเติบโต 5% จำนวนสมาชิกบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” เพิ่มขึ้น 100,000 ราย ด้วยแผนกลยุทธ์หลัก 2 เรื่อง คือ 1. สรรหาสมาชิกใหม่ที่มีคุณภาพ เน้นรับสมัครผ่านช่องทางสมัครสินเชื่อออนไลน์ E-Application เพื่อให้สมาชิกทำรายการได้ด้วยตนเอง และรู้ผลอนุมัติแบบเรียลไทม์ พร้อมรับเงินโอนเข้าบัญชีทันที 2. สร้างประสบการณ์ที่ดีในการใช้บัตรกดเงินสดให้กับสมาชิก “เคทีซี พราว” กว่า 700,000 ราย ไม่ว่าจะเป็นการ “รูด โอน กด ผ่อน” โดยเพิ่มฟังก์ชันการเบิกถอนและใช้วงเงินผ่านแอปฯ “KTC Mobile” ให้รองรับการโอนเงินไปยังบัญชีพร้อมเพย์ เพิ่มเติมจากการโอนเงินเข้าบัญชีได้หลากหลายธนาคารในปัจจุบัน รวมทั้งจัดแคมเปญ “เคลียร์หนี้เกลี้ยง” ที่โดนใจสมาชิกมาตลอด 10 กว่าปี เพื่อส่งเสริมและตอบแทนให้ผู้ที่ใช้สินเชื่ออย่างมีวินัย ได้รับสิทธิ์ลุ้นเคลียร์หนี้กับเคทีซี”
ธุรกิจสินเชื่อ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” ยังคงเน้นการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ายอดอนุมัติสินเชื่อใหม่ปี 2567 ที่ 6,000 ล้านบาท ด้วย 3 กลยุทธ์หลัก คือ 1. เน้นสื่อสารเพื่อสร้างการรับรู้ผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ด้วยคอนเทนต์ที่เน้นความบันเทิง เข้าถึงง่ายผ่านช่องทางออนไลน์และโซเชียลมีเดีย และโฆษณาออฟไลน์ สื่อตามพื้นที่สาขาของธนาคารกรุงไทยทั่วประเทศ 2. ผนึกกำลังกับธนาคารกรุงไทยในการขยายฐานลูกค้า ผ่านสาขาธนาคารกว่า 900 แห่ง เสริมด้วยแพลตฟอร์มออนไลน์ของธนาคาร อย่าง NEXT ถุงเงินและเป๋าตัง โดย “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” เป็นผลิตภัณฑ์สินเชื่อเดียวของธนาคารกรุงไทย ที่สามารถทำรายการอนุมัติได้แบบเรียลไทม์ พร้อมรับเงินทันที 3. ตอกย้ำและเสริมความแกร่งให้กับจุดแข็งผลิตภัณฑ์ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน ในฐานะผู้บริการรายเดียวที่ให้วงเงินใหญ่สูงสุด 1 ล้านบาท อนุมัติสินเชื่อภายใน 1 ชั่วโมง พร้อมรับเงินทันที และยังขยายฐานไปยังผลิตภัณฑ์ใหม่ “สินเชื่อทะเบียนรถบิ๊กไบค์ เคทีซี พี่เบิ้ม” พร้อมบัตรกดเงินสด เคทีซี พี่เบิ้ม อีกด้วย”
ธุรกิจ MAAI by KTC ในปี 2567 มีแผนจะขยายจำนวนพันธมิตรธุรกิจขนาดกลางและใหญ่อีกไม่ต่ำกว่า 20 ราย ซึ่งจะเป็นการเพิ่มจำนวนสมาชิก MAAI ประมาณ 2 ล้านราย โดยพันธมิตรเป้าหมายของแพลตฟอร์ม MAAI จะอยู่ในกลุ่มธุรกิจที่เน้นสร้างความถี่ในการกลับมาซื้อสินค้าหรือใช้บริการซ้ำ แพลตฟอร์ม MAAI ยังมีการนำเสนอโมเดลการให้บริการที่หลากหลาย ซึ่งจะช่วยพันธมิตรร้านค้าบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะพัฒนาเชิงกลยุทธ์ใน 3 เรื่องหลักคือ 1. ต่อยอดการพัฒนาแพลทฟอร์ม ฟีเจอร์หรือฟังก์ชันใหม่ๆ ตอบโจทย์กลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่ 2. เพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับประสบการณ์การใช้งานแอปฯ MAAI by KTC ให้ง่าย สะดวกและดียิ่งขึ้น 3. ขยายร้านค้ารับแลกคะแนน MAAI ให้ครอบคลุมไลฟ์สไตล์และความต้องการของสมาชิก MAAI by KTC มีจุดรับแลกคะแนนที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ สามารถเชื่อมโยงทุกธุรกิจ และมีเป้าหมายที่จะสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystem) ที่แข็งแรง ให้พันธมิตรสามารถเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน”
สำหรับความกังวลปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น นางพิทยา มองว่า แม้ตัวเลขหนี้อาจสูงขึ้น แต่เคทีซี ยังมั่นใจว่าจะบริหารจัดการหนี้ได้ดีกว่าอุตสาหกรรม จากปัจจุบันอยู่ที่ 2% ซึ่งถือว่าดีกว่าภาพรวมอุตสาหกรรม ซึ่งตัวเลขของเคทีซี ตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้ NPL มีสัญญาณที่ดีขึ้น
