คัดลอก URL แล้ว
ตำรวจ ยืนยัน “กระดูกที่พบ เป็นกระดูกคน” รอพิสูจน์ยืนยัน DNA เทียบพ่อใจโหดอีกครั้ง

ตำรวจ ยืนยัน “กระดูกที่พบ เป็นกระดูกคน” รอพิสูจน์ยืนยัน DNA เทียบพ่อใจโหดอีกครั้ง

เมื่อเวลา 19.40 น. วันที่ 20 ก.ย. พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 เปิดเผยว่า การสอบสวนผู้ต้องหาให้การว่า นำศพลูกมาทิ้งบริเวณนี้เมื่อประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและพนักงานสอบสวน สน.สายไหม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาตรวจพยานหลักฐานเพิ่มเติม ในช่วงเวลาเกิดเหตุและสภาพปัจจุบันแตกต่างกันเนื่องจากระยะเวลาผ่านมาหลายปี โดยเชื่อว่าบริเวณจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณตรงนี้ ในครั้งแรกให้ พฐ.ตรวจเก็บพยานหลักฐาน เมื่อเห็นว่าไม่พบ จึงใช้รถแบกโฮขนาดเล็กมาขุดเปิดหน้าดิน เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม จากการขุดพบกระดูกที่คิดว่าใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีได้ จึงได้เชิญแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลภูมิพลฯ มาช่วยตรวจพิสูจน์ ในเบื้องต้นเชื่อว่าเป็นกระดูกของมนุษย์ในช่วงอายุประมาณ 2 ปี แต่จะใช่หรือไม่ใช่ยังอยู่ในการสันนิษฐาน ในขั้นต่อไปจะให้พนักงานสอบสวน นำกระดูกส่งสถาบันนิติเวช เพื่อตรวจพิสูจน์ DNA เปรียบเทียบกับผู้ต้องสงสัยและผู้ต้องหาในคดีนี้ให้เกิดความชัดเจน ว่าเป็นกระดูกมนุษย์หรือไม่และเชื่อมโยงกับตัวผู้ต้องหาหรือไม่

ด้านพล.ต.ต.อรรถพล กล่าวว่า ตอนนี้ยังต้องมีการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อยืนยันความชัดเจนและถูกต้องอีกครั้ง ตอนนี้ต้องยุติการตรวจหาหลักฐาน และจะเริ่มค้นหาใหม่ในวันพรุ่งนี้ โดยในวันพรุ่งนี้จะมีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่มาร่วมกันตรวจหาพยานหลักฐานเพิ่ม

ต่อมาเมื่อเวลา 20.40 น. ฝ่ายสืบสวน สน.บางเขน นำตัว น.ส.สุนัน ออกจากห้องสืบสวนหลังนำตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติมมาเข้าห้องขัง

จากนั้นเวลา 20.45 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากฝ่ายสืบสืบสวน สน.บางเขนได้นำตัว น.ส.สุนัน นาหัวนิล ออกจากห้องขังมาสอบสวนเป็นเวลา 1 ชม.จากนั้นได้คุมตัวกลับมาที่ห้องขัง ตามเดิมเพื่อรอการฝากขังในวันพรุ่งนี้( 21 กันยายน)เป็นผลัดแรก ส่วนนายนายส่องศักดิ์ ส่งแสง อายุ 46 ปี ที่อยู่ในห้องขัง พบว่ามีอาการเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่เจ้าหน้าที่ ได้ให้ข้าวกิน นายส่องศักดิ์ กินเสดแต่ก็ไม่ยอมนอน เดินไปมาอยู่ในห้องขัง เจ้าหน้าที่ต้องคอยจับ ดูพฤติกรรมอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะทำร้ายตัวเอง

ซึ่งทาง พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 อยู่ระหว่างการประชุมติดตามความคืบหน้าร่วมกับ ฝ่ายสืบสวน บก.น2 ฝ่ายสืบสวน สน.บางเขน และเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง

ต่อมาพลตำรวจตรีอรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ได้เปิดเผยภายหลังอีกว่า จากคำให้การของผู้ต้องหา ที่ให้การว่านำศพเด็กมาทิ้งไว้บริเวณที่พักก็ได้ประสานตำรวจพิสูจน์หลักฐานพร้อมกับนำรถแบคโฮขนาดเล็ก เข้าตรวจสอบจุดบริเวณดังกล่าวแม้ว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงไปมากจากเดิม แต่ทางตำรวจชุดสืบสวนก็ได้นำภาพจาก Google earth มาเปรียบเทียบช่วงเวลาดังกล่าวระหว่างปี 2559 กับปัจจุบันพบว่าสถานที่ ตรงจุดนี้น่าจะเป็นจุดเดียวกับที่ผู้ต้องหาให้การ

โดยดำเนินการตั้งแต่เวลา 18.00 น. ได้ใช้รถแบคโฮขนาดเล็กเปิดหน้าดิน บริเวณนี้รวมเวลาทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจากที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานใช้วิธีตรวจสอบบริเวณผิวดิน แต่คาดการณ์ว่าอาจจะไม่พบเนื่องจากสภาพดินเป็นดินแข็ง จนรถแบคโฮสามารถตักดินขึ้นมาได้หนึ่งกองและพบว่ามีเศษถุงดำติดอยู่เจ้าหน้าที่จึงได้นำน้ำเปล่ามาล้างเศษดินออกจนพบชิ้นส่วนกระดูกสองชิ้นอยู่ภายในถุงสอดคล้องกับคำให้การของผู้ต้องหา คือนางสาวเจษฎา

จากนั้น ได้ให้แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช เข้ามาตรวจสอบชิ้นส่วนกระดูกในเบื้องต้นสันนิษฐานว่า เป็นชิ้นส่วนกระดูกของมนุษย์บริเวณต้นแขนท่อนบน อายุประมาณ 2 ปี แต่ทั้งหมดยังต้องนำส่งสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้ง และนำไปเทียบเคียงกับดีเอ็นเอของนายส่องศักดิ์ผู้ต้องหาในคดีนี้

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ประมาณ 13.00 น. ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน จะลงค้นหาชิ้นส่วนที่เหลือเพิ่มเติมอีกครั้ง โดยจะใช้จอบขุดตามแนวรถแบคโฮขุดเปิดหน้าดินไว้ทั้งหมด ซึ่งจะเป็นการค้นหาโดยละเอียดตามคำให้การของหนึ่งในผู้ต้องหาที่ระบุว่าเอาไปทิ้งไว้ในพงหญ้า ซึ่งระบุว่าทิ้งไว้ปี 2559 และปี 2561 แต่ก็ยังไม่ได้เชื่อในคำให้การจะต้องพิสูจน์ทราบก่อน

ขณะที่พลตำรวจตรีธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยขณะเดินทางมาร่วมประชุมชุดสืบสวนสอบสวนที่ สน.บางเขน ในช่วงค่ำวันนี้ว่า เบื้องต้นจากการสอบปากคำนายส่องศักดิ์ หรือ เอ็ม ยังไม่รับสารภาพ โดยจากคำให้การของนายส่องศักดิ์ เจ้าตัวอ้างว่า “ไม่ชอบเด็กผู้ชาย” แต่ในส่วนวิธีการ ขอเวลาหาข้อเท็จจริงก่อน

แต่อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ได้เชื่อในคำให้การของนายส่องศักดิ์อยู่แล้ว จึงขอเวลาตรวจสอบให้แน่ชัดก่อน ประกอบกับตอนนี้อยู่ระหว่างรอผลตรวจดีเอ็นเอของนายส่องศักดิ์ และภรรยา ว่าศพที่พบเป็นลูกของใคร โดยชุดสืบสวนจะไปสอบปากคำภรรยาที่อยู่จังหวัดตรังที่พบว่า ยังมีชีวิตและมีลูกด้วยกัน เพื่อหาความเชื่อมโยงด้วย

เมื่อถามว่านางสาวเจษฎา ที่ถูกคุมตัวสอบปากคำอยู่ภายในห้องสืบสวนตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ จะมีความผิดหรือไม่ พลตำรวจตรีธีรเดช ยืนยันว่า เบื้องต้นจะต้องมีความผิด แต่จะผิดขนาดไหนต้องรอความชัดเจน ส่วนอาการจิตเวชของนายส่องศักดิ์ ไม่ขอพูดถึง เพราะจะเป็นข้อต่อสู้ของฝ่ายตรงข้ามได้ พร้อมยืนยันว่าจจะทำคดีนี้ให้เต็มที่ เนื่องจากเป็นเหตุสะเทือนขวัญ ซึ่งทางผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้สั่งชุดคลี่คลายคดีที่ดีที่สุดมาร่วมทำงานด้วย

นอกจากนี้มีรายงานจากชุดสืบสวนคลี่คลายคดี ระบุเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุในแต่ละจุดวันนี้ พบหลักฐานสำคัญที่มีความเชื่อมโยงกับคดีนี้ ซึ่งเป็นจดหมายที่นางสาวเจษฎา เป็นคนเขียนด้วยลายมือของตัวเอง โดยใจความในเนื้อหาสรุปได้ว่า “ต้องการสื่อถึงการระบายความรู้สึกที่อัดอั้น จากการถูกนายส่องศักดิ์ บังคับจิตใจ ถึงขั้นให้ทำร้ายตัวเองต่อหน้า เพื่อแลกกับความรักจากนายส่องศักดิ์เป็นการตอบแทน แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่ได้รับความรักจากนายส่องศักดิ์” โดยพบว่า นางสาวเจษฎา รักสามีคนนี้มาก และพร้อมทำทุกอย่างที่สามีต้องการ

ดังนั้นนางสาวเจษฎา จึงถือเป็นกุญแจสำคัญในคดีนี้ และขณะนี้ชุดสืบสวนยังอยู่ระหว่างการพูดคุยเพื่อให้ได้ข้อมูลทางคดีมากที่สุด เนื่องจากนางสาวเจษฎา เป็นเมียที่มีลูกกับนายส่องศักดิ์มากที่สุดถึง 5 คน แล้วคาดว่าเสียชีวิตจากฝีมือของนายส่องศักดิ์ไปถึง 4 คน

นอกจากนี้มีช่วงหนึ่งที่ทีมข่าวสังเกตเห็นว่านางสาวเจษฎาเปิดแขนเสื้อให้ชุดสืบสวนดู พบว่า มีรอยแผลเป็นที่แขนด้านซ้าย ตั้งแต่ช่วงหัวไหล่ลงมาจนถึงข้อศอก


ข่าวที่เกี่ยวข้อง