วันนี้ (24 ส.ค.66) ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย อธิบายเรื่องการใช้จ่ายผ่านระบบดิจอททัลวอลเล็ท 10,000 บาท รวมถึงเรื่องงบประมาณ ระบุว่า ดิจิทัลวอลเล็ต มี 2 ปัจจัย คือ ระบบและงบประมาณ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วง คืองบประมาณมากกว่าระบบ ยืนยันพรรคเพื่อไทยจะเดินหน้า ทำโครงการนี้ภายในครึ่งปีแรกของปี 67 นั่นคือก่อนเดือนเมษายน และเทศกาลสงกรานต์ ประชาชน 50 ล้านกว่าคน ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป จะได้ใช้จ่าย 10,000 บาท ผ่านระบบอย่างพร้อมเพียงกัน และเงินกว่า 560,000 ล้านบาทก็จะกระจายสู่ระบบทุกพื้นที่ในประเทศไทยโดยทันที ถ้าหากประชาชนที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ทโฟนก็สามารถใช้จ่ายผ่านระบบดิจิทัลวอลเล็ทนี้ได้โดยผ่านการใช้บัตรประชาชน
ส่วนการใช้งานผ่านวอลเล็ต ซึ่งเป็นคนละระบบกับ “เป๋าตังค์” ซึ่งเป็นระบบเดิมของรัฐบาลที่ผ่านมา ยืนยันว่าเงิน 560,000 ล้านบาทจะไม่กระทบวินัยการเงินกันคลังของประเทศอย่างแน่นอน และไม่ได้มาจากเงินกู้ ซึ่งนายกรัฐมนตรี สั่งการ ต้องทำเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เพราะถือว่าเป็นนโยบายแรกที่วัดใจประชาชนกับพรรคเพื่อไทย การกระตุ้นเศรษฐกิจให้เร็วเป็นการฟื้นระบบ และนโยบายอื่นๆให้ดีตามมา ส่วนมาตรการป้องกันโดยเฉพาะมิจฉาชีพที่มาทุกรูปแบบ
“ขอย้ำว่าลิงก์ปลอมที่หลอกลวงประชาชนอยู่ตอนนี้ ไม่ใช่ตัวลงทะเบียน 10,000 บาทของรัฐบาลเพื่อไทย พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้เข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน แอพพลิเคชั่นที่เกิดขึ้นทั้งหมด ยังไม่ใช่ของเราและไม่ใช่ของจริง ทั้งหมดนั้นเป็นมิจฉาชีพ อยากให้ประชาชน อย่าไปกดลิงก์ดังกล่าว และเงินจะถึงมือท่านในครึ่งปีแรกของปี 2567 ส่วนระบบที่จะป้องกันมิจฉาชีพของระบบดิจิทัลวอลเล็ต คณะทำงานของพรรคเพื่อไทย ได้ศึกษาเทคโนโลยี เพื่อจะป้องกัน การทุจริต หรือแม้แต่เงินที่มิจฉาชีพจะมาหลอกลวง โดย เราป้องกันอย่างแน่นหนาจึงไม่เป็นห่วงเรื่องนี้”
ดร.เผ่าภูมิ ยังกล่าวอีกว่า ขอให้ประชาชนใจเย็นช่วง 2-3 เดือนที่ นายเศรษฐา เข้ามาบริหารประเทศ กระเป๋าตังค์ดิจิตอล 10,000 บาทจะยังไม่มี แต่ต้นปีหน้าจะเห็นรูปร่าง ส่วนการใช้งานแอ๊บเป๋าตังค์ในอนาคต ก็เริ่มที่จะลดบทบาทโดยปริยาย โดยไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ระบบเดิม และขออย่ามองว่าอย่ามองเรื่องการทำดิจิทัลวอลเล็ทนั้นเป็นเรื่องของการสร้างคะแนนนิยมในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เพราะมันคือความจำเป็นในนโยบายทางเศรษฐกิจ ที่ต้องเร่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน พรรคเพื่อไทยออกแบบนโยบายขึ้นมาไม่ได้กังวลว่า คะแนนนิยมแต่เราคิดเรื่องความเหมาะสม กับสภาพเศรษฐกิจของประเทศ จะเห็นได้ว่านโยบายของพรรคเพื่อไทยสอดรับกันเป็นเรื่องๆไป
ดร.เผ่าภูมิ ยังกล่าวอีกว่า หากนายกรัฐมนตรี มากำกับดูแลกระทรวงการคลังโดยตรงก็จะเป็นเรื่องที่ดี เพราะนโยบายนี้คือนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทยเป็นความตั้งใจของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการจะฟื้นเศรษฐกิจ ส่วนโผ ครม.รัฐบาลผสม ในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทย ที่มีชื่อของตน ว่าจะเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ก็ยังไม่ขอแสดงความเห็น ยังไม่ได้คุยกันเรื่องของตำแหน่ง ต่างคนต่างทำงาน เราขอโฟกัสที่นโยบายดิจิทัลวอลเล็ทเป็นหลักก่อน เพราะเราอยากจะทำให้เร็ว จากที่เราได้เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า