นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณีที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้กล่าวพาดพิงพรรคประชาธิปัตย์ในเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญว่า
หลายครั้งที่ นายวิโรจน์ ได้กล่าวให้ร้าย บิดเบือน ด้อยค่าพรรคประชาธิปัตย์ พรรคออกมาชี้แจงทุกครั้งนายวิโรจน์ก็ไม่เคยสำนึกที่จะพยายามปรับปรุงตัวโดยเฉพาะถ้อยคำที่ออกมาพูดแต่ละครั้ง สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล ก้าวร้าว ไม่ให้เกียรติคนอื่น
นายราเมศ กล่าวต่อว่า เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญที่พรรคได้กำหนด เป็นเงื่อนไขในการเข้าร่วมรัฐบาลนั้นจะเห็นว่าพรรคได้พยายามทุกวิถีทางที่จะดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะการแก้ไขมาตรา 256 ที่ต้องการให้มีการแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นรัฐธรรมนูญที่แก้ไขง่ายขึ้นรวมไปถึงการยื่นแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในส่วนของการกำหนดให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ และในสมัยที่ผ่านมาไม่ใช่จะแก้เฉพาะประเด็นใดประเด็นหนึ่งแต่ทั้งหกร่างที่พรรคได้เสนอไปนั้นมีทั้งเรื่องสิทธิกระบวนการยุติธรรม สิทธิในที่ดินทำกินสิทธิ ของผู้บริโภค สิทธิชุมชนรวมไปถึงการยกเลิกอำนาจสมาชิกวุฒิสภาในการเลือกนายกรัฐมนตรี และได้ยื่นแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนของกระบวนการเลือกตั้งที่กำหนดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและเป็นฉบับเดียวที่พรรคทำสำเร็จ ความพยายาม ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่ประชาธิปัตย์ผิดข้อตกลงเงื่อนไขที่บอกกับพี่น้องประชาชนแต่อุปสรรคที่เกิดขึ้นเป็นอุปสรรคที่เกิดจากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่กำหนดให้การพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญต้องใช้เสียงสมาชิกวุฒิสภาเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขเพิ่มเติมเพราะฉะนั้นการที่จะบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ผิดเงื่อนไขในการเข้าร่วมรัฐบาลนั้นเป็นการกล่าวหาบิดเบือนทั้งสิ้น
นายราเมศกล่าวตอนท้ายว่า นายวิโรจน์ควรหยุดความก้าวร้าว หยุดด้อยค่าพรรคอื่น คนที่อ้างว่าตนเป็นประชาธิปไตยแต่การกระทำสวนทางกัน พูดเท็จ บิดเบือนกล่าวหา ด้อยค่า ใส่ร้าย ปลิ้นปล้อน ทำตัวเป็นผู้วิเศษเก่งทุกเรื่อง คุณไปจัดการพรรคคุณให้ดีก่อนก่อนที่จะมาก้าวก่ายพรรคการเมืองอื่นจนเขาเอือมระอากันไปทั่ว