จากกรณีนักท่องเที่ยวผู้ใช้ เอ็กซ์ (X) หรือ ทวิตเตอร์ ชื่อ @tabinezumiworld ได้โพสต์ภาพ รถไฟคิฮะ 183 ซีรีส์ วิ่งผ่านกองขยะบริเวณริมทางรถไฟ ที่หยุดรถพญาไท เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2566 พร้อมระบุข้อเป็นภาษาญี่ปุ่น และตั้งคำถาม แปลเป็นภาษาไทยว่า
“คิฮะ 183 ซีรีส์ ขบวนรถท้องถิ่นของการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นเรื่องจริงที่มีความแตกต่างในความยากจนท่ามกลางความมั่งคั่งของกรุงเทพฯ ส่วนสถานการณ์ในเขตพญาไทนั้นทราบว่าเพิ่งรื้อออกไปได้ไม่นานแต่จะปล่อยให้เป็นเช่นนี้อีกนานแค่ไหน? มีแก้วแตก เศษหินและเศษอาหารอยู่รอบๆ เมื่อไหร่ที่เศษหินและขยะจะถูกดำเนินการ? มันมีกลิ่นเหมือนขวดแก้วแตกและขยะ และมันอยู่ใน สถานการณ์ที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ฉันคิดว่าควรเอาออกให้เร็วที่สุดจะดีกว่า ผมอยากจะขอให้รัฐบาลไทย กรุงเทพมหานคร และการรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการ”
ล่าสุดวันนี้ ( 31 กรกฎาคม 2566 ) ทีมข่าวลงพื้นที่สํารวจพบว่าจุดดังกล่าว เป็นเศษไม้ เศษสังกะสีและกองขยะ หลังจากการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ดำเนินการรื้อถอนบ้านเรือนในชุมชน ช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อเตรียมการสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน “ดอนเมือง – สุวรรณภูมิ – อู่ตะเภา” ทำให้บ้านเรือนในพื้นที่ดังกล่าวเหลือเพียงเศษซากของปูน เศษแก้วแตก ไม้ รวมถึงขยะอื่น ๆ
ทั้งนี้ทีมข่าวสอบถามประชาชนผู้ที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว โดย ลุง สมชาย อายุ 67 ปี บอกทีมข่าวว่า ผมอยุ่ตรงนี้มาตั้งแต่เกิด ก่อนที่เขาจะรื้อถอนเราก็มีการดื้อแพ่ง เขาจะให้เงินค่าขนย้าย 5,000 บาท เราไม่เอากัน เพราะคิดว่า ต้องได้มากกว่า 5,000 บาท แต่ผลสุดท้ายก็ต้องยอมเพราะเราบุกรุกพื้นที่การรถไฟ ผมจึงต้องย้ายไปอยู่อีกฝั่ง ส่วนบางคนก็ย้ายไปปลูกสร้างที่อยู่ใหม่ ซึ่งไม่ไกลกัน แต่ใช้เงินสร้างกว่า 2 หมื่นบาท พื้นที่นิดเดียว และอยู่อาศัยได้แค่ 2 ปี ก็ต้องย้ายออกหากเขารื้อถอนอีก ผมก็วางแผนไว้ว่าจะไปอยู่บ้านลูก หรือกับญาติ “ แต่บางคนไม่มีที่ไป ก็ต้องเห็นใจ ทนอยู่กันไป เพราะพวกเขาไม่มีที่จะไป “ ลุงสมชาย กล่าวทิ้งท้าย
ด้าน นางนงนุช อายุ 51 ปี แม่ค้าขายผลไม้ บอกทีมข่าวว่า เดิมตัวเองอาศัยอยู่ในชุมชนซอยแดงมาตั้งแต่เกิด พอช่วงที่เขาขายที่ดินไปสร้างตึก ตัวเองเลยย้ายมาอยู่ริมทางรถไฟนี้ ได้10 กว่าปี เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว มีลูก 3 คน ลูกสาวคนโต อายุ 17 เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วยเป็นพนักงานเสริฟ์ ส่วนอีก 2 คน ป่วย ป่วยเป็น LD หรือ โรคการเรียนรู้บกพร่อง แต่คนเล็กหนักสุดเพราะป่วยเป็นซึมเศร้าด้วย สาเหตุการเกิดการบูลลี่เพื่อนที่โรงเรียน แต่ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว
นางนงนุช ยังบอกอีกว่า หากการรถไฟฯ สั่งรื้อถอนฝั่งที่ตัวเองอาศัยอยู่ “ยังไม่รู้เลยว่าจะไปยังไง อาจจะหาบ้านเช่า อยู่ก่อนเพราะ ลูก 3 คน ยังเรียนหนังสือกันทุกคน เงินทองก็ไม่ค่อยมีของขายไม่ได้ แต่ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากให้ภาครัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาเยียวยาบ้าง แต่ทำยังไงได้ เรามาบุกรุกพื้นที่เขา“ นางนงนุช กล่าว
ขณะเดียวกัน ประชาชนผู้ที่อาศัยในชุมชนบางส่วน บอกทีมข่าวว่า บริเวณบ้านฝั่งที่ถูกรื้อถอนไปแล้ว อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยมาเร่งขนขยะออกจากพื้นที่ เนื่องจากจุดดังกล่าวอยู่ใจกลางเมืองและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางมาลงที่สถานีแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ พญาไทและถ่ายภาพลงมาจากสถานี ทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อประเทศไทยอีกด้วย
ภาพ – วิชาญ โพธิ