คัดลอก URL แล้ว
เสียชีวิตเพิ่มเป็น 12 ราย เหตุ “โกดังพลุระเบิด” หน่วยงานเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย

เสียชีวิตเพิ่มเป็น 12 ราย เหตุ “โกดังพลุระเบิด” หน่วยงานเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย

วันนี้ 30 กรกฏาคม 2566 จากกรณีเกิดเหตุการณ์โกดังเก็บประทัดและดอกไม้ไฟ ระเบิดขึ้นเมื่อเวลา 15.10 น.ของวันที่ 29 ก.ค. 66 ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก บ้านเรือนพังพินาศเรียบเป็นหน้ากลองทั่วทั้งหมู่บ้านมูโนะ ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ซึ่งถือเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเนื่องจากหมู่บ้านแห่งนี้เคยเกิดน้ำท่วมใหญ่มาแล้วหลายครั้ง และได้ทำการฟื้นฟูสภาพให้กลับมาดังเดิม แต่ครั้งนี้ภาพที่ปรากฏคือบ้านเรือนถล่มลงมากลายเป็นซากปรักหักพัง ไม่มีชิ้นดี

ด้านนายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้สั่งเปิดศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุดังกล่าวนี้ไปตั้งแต่เมื่อวานนี้ พร้อมกำชับให้นายอนิรุทร บัวอ่อน นายอำเภอสุไหงโก-ลก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยเปิดจุดให้มีการลงทะเบียน ล่าสุดข้อมูล ณ วันนี้ ( 30 กรกฎาคม 2566 ) มีผู้ลงทะเบียนได้รับความเสียหายจำนวน 365 ราย กรณีบ้านเรือนและทรัพย์สิน 290 ราย โรงเรียนเอกชน 2 ราย ยานพาหนะ 15 ราย ส่วนยอดผู้เสียชีวิตตามที่ทางจังหวัดได้มีการติดประกาศคือ 12 ราย ผู้บาดเจ็บ 121 ราย โดยกลับไปรักษาตัวที่บ้าน 111 ราย รักษาตัวที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลกและโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ จำนวน 10 ราย อาการสาหัส 1 ราย โดยทางจังหวัดได้ใช้ศูนย์กีฬา อบต.มูโนะ เป็นที่พักอาศัยชั่วคราวแก่ผู้ประสบภัย

ขณะเดียวกันได้มีการเปิดครัวสนามเพื่อทำข้าวกล่องแจกจ่ายให้ผู้ประสบภัยเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น ทางด้าน นางสุชาดา พันธ์นรา นายกเทศมนตรีเมืองสุไหงโก-ลก ได้ร่วมสนับสนุนการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ในพื้นที่คําบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก ด้วยการจัดเจ้าหน้าที่ร่วมเปิดจุดรับบริจาคกองอ่านวยการร่วมศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยอำเภอสุไหงโก-ลก จากเหตุโกดังประทัดและดอกไม้เพลิงระเบิด โดยจัดตั้ง ณ ที่ทำการเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่มีความประสงค์จะร่วมบริจาคสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยเนื่องจากที่เต็นท์อำนวยการมีพื้นที่จำกัด ซึ่งสิ่งของที่รับบริจาคคือข้าวกล่อง น้ำดื่ม ข้าวสารอาหารแห้งและวัตถุดิบในการปรุงอาหาร ตลอดจนผ้าขนหนู

ทางด้าน นายแวอูเซ็ง เจ๊ะอารง อายุ 49 ปี เล่าให้ฟังว่า ในขณะที่เกิดเหตุนั้น ตนอยู่ในบ้านกับภรรยาและลูกอีก 4 คน รวม 6 คน แล้วก็มีเสียงตูมขึ้นมา จากนั้นหลังคาและบ้านก็ร่วงแตกหมดและก็โดนครอบครัวเลือดท่วม ภรรยาและลูกก็โดนกระเบื้องทับอยู่ ตนจึงได้ดึงลูกเมียออกมาและหนีออกจากบ้านไป ส่วนบ้านที่อยู่แถวนั้นพังเรียบไม่เหลืออะไรเลย และบ้านก็อยู่ห่างจากโกดังแค่ 30 เมตร ซึ่งในตอนนั้นชาวบ้านได้หนีออกจากบ้านในสภาพเลือดท่วมตัว โดยโกดังนี้เปิดมาประมาณ 1 ปี กว่าๆ พอเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แค่มีชีวิตรอดก็ดีแล้ว อยากเรียกร้องให้รับผิดชอบเรื่องการเป็นอยู่และที่อยู่อาศัย เนื่องจากเราไม่มีที่จะอยู่แล้ว และอีกส่วนหนึ่งก็คือรายได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ทำอาชีพก่อสร้างและรับจ้างทั่วไป โดยการรับทำงานไม้ แต่เครื่องมือที่ทำงานนั้นเสียหายหมดเลย ตอนนี้ก็เหลือแต่ตัวอย่างเดียว


ข่าวที่เกี่ยวข้อง