เมื่อวันที่ 26 ก.ค.66 พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. สั่งการให้ พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รอง ผบช.สอท. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ เปิดปฎิบัติการล่าขุมทรัพย์ราชาคริปโต นำกำลังเข้าตรวจค้น 2 จุดในพื้นที่กทม.
โดยจุดแรกเจ้าหน้าที่ได้นำหมายค้นศาลอาญาเลขที่ ค.505/2566 ลงวันที่ 24 ก.ค. เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 36/72 หมู่บ้านนันทวัน พระราม 9 – ศรีนครินทร์ แขวงทับช้าง เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร มูลค่ากกว่า 45 ล้านบาท ซึ่งบ้านดังกล่าวเป็นบ้านเดี่ยวสูง 3 ชั้น มูลค่า 45 ล้านบาท มีรั้วรอบขอบชิด มีแม่บ้านที่ดูแลบ้านดังกล่าวเป็นผู้นำตรวจค้น
จากการตรวจค้นพบ เอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องในทางคดีจำนวนมาก อีกทั้งยังพบชุดลักษณะคล้ายเครื่องแบบทหารประดับเครื่องหมายผู้กำกับสำรองตรี ระบุชื่อ สมปอง ซู อีกทั้งพบรูปถ่ายวันประดับเครื่องหมายผู้สำเร็จการฝึกอบรมหลักสูตรผู้กำกับกำลังสำรอง รักษาดินแดนรุ่นที่ 34 พร้อมเกียรติบัตร ของสังกัดสมาคมกำลังสำรองรักษาดินแดนไทยอยู่ในห้องนอนดังกล่าว รวมทั้งหนังสือเดินทางระบุชื่อนายซูเผิงเฟย สัญชาติจีน นอกจากนี้ในส่วนผู้ดูแลให้การยืนยันว่านายซูเผิงเฟย หรือนายสมปอง ซู เป็นเจ้าของบ้าน อีกทั้งเป็นบุคคลคนเดียวกัน ซึ่งหลังจากที่มีข่าวจับกุมคนจีนก่อนหน้าก็ได้เดินทางออกนอกประเทศไป
นอกจากนี้ได้ทำการตรวจยึดรถยนต์โตโยต้าอัลพาดสีขาว ทะเบียน กย. 909 กทม.,รถยนต์โตโยต้า รีโว่ สีดำ ทะเบียนป้ายแดง ถ 4605 กทม โฉนดที่ดินอาคารชุด โครงการวัน ไนน์ ไฟว์ อโศกพระราม 9 จำนวน 8 ห้องชุด , โฉนดที่ดิน 2 ฉบับ ตู้เชพ 1 ตู้ รวมมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท จึงทำการตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ
จุดที่สองเจ้าหน้าที่ได้นำหมายค้นศาลอาญาที่ค.504/2566 ลงวันที่ 24 ก.ค. เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 8/15 ซอยกาญจนาภิเษก 12 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นที่ตั้งของ บริษัท ซิน รุ่ย เทคโนโลยี เบื้องต้นไม่พบว่ามีผู้พักอาศัยหรือผู้ดูแล
พล.ต.ต.อำนาจ กล่าวว่า การตรวจค้นครั้งนี้เป็นการขยายผลจากปฏิบัติการ Trust No One ล่าข้ามโลกราชาคริปโตฯ Ep:1 และ Ep:2 โดยครั้งนั้นบช.สอท.ได้เข้าตรวจค้น 6 จุด ในย่านศรีนครินทร์ และจับกุมนายเซาเซียน ซู อายุ 31 ปี และนางคี ยิ ยี อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาชาวจีนตามหมายจับศาลอาญาที่ 1665-1666/2566 ลงวันที่ 26 พ.ค. และนายคำเฮง จุลมนตรี สัญชาติ ลาว ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1654/2566ลงวันที่ 26 พ.ค. ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฟอกเงิน
หลังก่อเหตุใช้โปรไฟล์ปลอมตีสนิท ผู้เสียหายผ่านช่องทางโซเซียลมีเดียต่าง ๆ ก่อนจะชวนลงทุนในแพลตฟอร์มปลอมสําหรับเทรดเงินสกุลดิจิตอลหรือ สินทรัพย์ต่าง ๆ ในลักษณะหลอกลงทุนไฮบริดสแกรม ซึ่งมีผู้เสียหายหลายพื้นที่
จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่ามีความเชื่อมโยงกับนายซูเผิงเฟย หรือนายสมปอง ซู ซึ่งแนวทางสืบสวนเชื่อว่าน่าจะนำเงินที่ได้จากการหลอกผู้เสียหายมาเล่นแร่แปรธาตุ มาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบของบริษัทซิน รุ่ย เทคโนโลยี อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานพร้อมกับออกหมายเรียกนายสมปอง ซู มาชี้แจงการได้มาซึ่งทรัพย์สิน
หากไม่สามารถที่จะชี้แจงได้ก็จะเข้าข่ายในส่วนของความผิดฐาน “ร่วมกันฟอกเงินหรือร่วมกันสนับสนุนฟอกเงิน” และ นำทรัพย์สินที่ไม่สามารถชี้แจงได้หรือทรัพย์สินที่เชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิดดำเนินการขายทอดตลาด เพื่อมุ่งหวังคืนให้กลุ่มผู้เสียหายที่ได้รับความเดือดร้อน อีกทั้งจะทำการขยายผลหากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือ พยานหลักฐานเชื่อมโยงไปในส่วนใดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป