วันนี้ (21 ก.ค. 66) นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงข่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาล โดยระบุว่า เป้าหมายสูงสุดของเราในฐานะพรรคอันดับ 1 คือ การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ให้สำเร็จเพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลเดิม แต่ตลอดเวลา 2 เดือนที่ผ่านมาสถานการณ์ทุกอย่างชี้ชัดว่าทุกองคาพยพของฝ่ายอนุรักษ์นิยมทั้งหมด ไม่ยอมให้พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลโดยเอาเรื่องมาตรา 112 มาบังหน้าและอ้างความจงรักภักดีมาปะทะกับการเลือกตั้งของประชาชนนอกจากนี้ยังมีการเคลื่อนไหวผ่านคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) และศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อหวังตัดสิทธิ์ทางการเมืองของแกนนำพรรคและยุบพรรคก้าวไกลให้ได้
นายชัยธวัช กล่าวว่า ด้วยเหตุนี้เราจึงเห็นว่า สว. จึงฝืนมติมหาชนไม่โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีตามเสียงส่วนใหญ่ของสภาผู้แทนราษฎร และยังกล้าทำลายหลักการตีความข้อบังคับของรัฐสภา ให้ขัดต่อรัฐธรรมนูญเปรียบเสมือนการล้มล้างการปกครองหรือฉีกรัฐธรรมนูญ ผ่านกฎหมู่เพียงเพื่อการต้องการขัดขวางไม่ให้เสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีในครั้งที่ 2
พรรคก้าวไกลไม่ยอมรับการตีความข้อบังคับดังกล่าว แต่ภายใต้การทำงานที่สอดประสานกันทั้งองคาพยพของฝ่ายอนุรักษ์นิยมชุดนี้เราจำเป็นต้องขอโทษต่อพี่น้องประชาชน และยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าพวกเขาไม่ยอมให้ก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล การที่นายพิธาไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ไม่ได้หมายความว่าภารกิจในการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อพลิกคว่ำได้รัฐบาลเก่าจะไม่สำเร็จ สำคัญในวันนี้ จึงไม่ใช่เรื่องให้นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี แต่เป็นเรื่องประเทศไทยจะกลับสู่ประชาธิปไตยได้หรือไม่ หยุดการสืบทอดอำนาจได้หรือไม่
“เมื่อเป็นเช่นนี้พรรคก้าวไกลจะเปิดโอกาสประเทศไทย ให้พรรคอันดับสองคือพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ของพันธมิตร 8 พรรคร่วม ดังนั้นในการประชุมรัฐบาลครั้งต่อไปครั้งต่อไปพรรคก้าวไกล จะเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐมนตรีคนที่ 30 เช่นเดียวกันที่พรรคเพื่อไทยเคยสนับสนุนพรรคก้าวไกล”
ภาพ – กฤติกร จิตติอร่ามกูล