คัดลอก URL แล้ว
“เสรีพิศุทธ์” คาด วันนี้ไม่ได้โหวตนายกฯ เหตุศาลรธน. อาจมีคำสั่ง ให้ “พิธา” หยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อน

“เสรีพิศุทธ์” คาด วันนี้ไม่ได้โหวตนายกฯ เหตุศาลรธน. อาจมีคำสั่ง ให้ “พิธา” หยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อน

พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส สส. บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวก่อนร่วมการประชุมรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบนายกรัฐมนตรีในวันนี้ว่า ส่วนตัวเห็นว่าวันนี้อาจจะไม่เข้าถึงกระบวนการลงมติให้ความเห็นชอบด้วยซ้ำไป เพราะมองว่าในช่วงเช้าที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการประชุม ว่าจะรับคำร้อง ในการวินิจฉัยสถานภาพของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกลและอาจสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว เพราะหากศาลรับคำร้องสภาจะต้องถกแถลงกันอีก และหากผ่านไปได้ก็จะมีสว. ลุกขึ้นมาบอกว่าเป็นญัตติที่ตกไปแล้วไม่สามารถนำมาเสนอได้ใหม่ในการประชุมสมัยนี้และจะต้องมีกานอภิปรายกันอีก ซึ่งส่วนตัวมองว่า หากมีการลงมติอีกนายพิธาก็จะไม่ผ่านความเห็นชอบ

เมื่อถามว่าแผนของพรรคร่วมหาก นายพิธาไม่ได้รับความเห็นชอบจะทำอย่างไรต่อไป พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ระบุว่าเมื่อพักก้าวไกลเสนอแคนดิเดต นายกฯ แค่คนเดียว แตกต่างจากพรรคเพื่อไทยที่เสนอชื่อ 3 คน มันแตกต่างกันตรงนี้

ส่วนกระแสข่าวที่จะดึงพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมรัฐบาลด้วยพรรคก้าวไกลเอาด้วยหรือไม่ พลตำรวจเอกเสรีพิสูจน์ยืนยันว่าพระก้าวไกลก็ต้องเอาด้วยเพราะเขาจะลงคะแนนให้ เพียงตอนนี้แต่ว่ายังไม่มีเสียงตอบรับกลับมา เพราะฉันถ้าใครพัฒนาและพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่าติดขัดในเรื่องแก้ไขมาตรา 112 ฉะนั้นจึงไม่จบ เมื่อถามว่า โอกาสมาเป็นของฝั่งเพื่อไทย พรรคก้าวไกลควรถอยเรื่องมาตรา 112 หรือไม่ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ระบุว่าพรรคก้าวไกลเขาก็เป็นตัวของเขา พร้อมยกตัวอย่างสมมุติว่า หากเลือกพรรคเพื่อไทย และข้อตกลงของ 8 พรรคร่วม ก็บอกว่าจะไม่แตกกัน เพราะฉะนั้นพรรคเพื่อไทยก็จะต้องรวมเสียงของพรรคก้าวไกลไปด้วยเป็น 312 เสียงเหมือนเดิม แต่ตรงนี้สวที่บอกไม่เอาพรรคก้าวไกล ดังนั้นหากเสนอไปตามนี้ก็ไม่ได้รับความเห็นชอบ ก็จะทำให้นายเศรษฐา ทวีสิน ตกไปด้วย และจะต้องเสนอคนใหม่ แต่ถ้ามีการเสนอใหม่ทางสว. อาจจะไม่ขัดเมื่อไม่มีก้าวไกล ทีนี้จะได้เสี่ยงถึง 376 เสียงหรือไม่ก็ต้องไปว่ากัน

เมื่อถามว่าข้อปฏิบัติในการประชุมที่ผ่านมา การเสนอชื่อบุคคลที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีสามารถเสนอซ้ำได้หรือไม่ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 เพิ่งใช้ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 แค่ครั้งเดียว ซึ่งคำนั้นพรรคเพื่อไทยมีสส.มากที่สุด รองลงมาเป็นพรรคพลังประชารัฐ แต่สุดท้ายถูกพรรคพลังประชารัฐแจ้งไปจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากลงรวมเสียงได้มากกว่า ซึ่งก็เหมือนครั้งนี้พรรคก้าวไกลได้อันดับ 1 ก็มีสิทธิ์จัดตั้งรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย 2 ไม่ได้แย่ง แต่ถ้าถามว่าถ้าจะแย่งไปจัดก็สามารถทำได้ เพราะการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญเป็นการรวมเสียงข้างมาก มันไม่ได้บอกว่าพักไหนได้คะแนนจากประชาชนอันดับ 1 จะต้องเป็นรัฐบาล เพียงแต่ว่าในการเลือกตั้งของเราเป็นการจัดตั้งรัฐบาลผสมจึงเปิดให้หลายพรรคเข้ามารวม ฉะนั้นท่าที่ 1 หรือที่ 2 รวมไม่ได้พรรคอันดับ 3 ก็สามารถทำได้


ข่าวที่เกี่ยวข้อง