คัดลอก URL แล้ว
“อนุชา” ย้ำโครงการ “โคล้านครอบครัว” สร้างอาชีพ สร้างรายได้ พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก

“อนุชา” ย้ำโครงการ “โคล้านครอบครัว” สร้างอาชีพ สร้างรายได้ พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก

“อนุชา” ย้ำ โครงการ “โคล้านครอบครัว” สร้างอาชีพ สร้างรายได้ พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก สร้างความเข้มแข็งสู่ชุมชนและท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

วันนี้ (17 กรกฎาคม 2566) นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการ “โคล้านครอบครัว” ว่า ได้รับความสนใจจากกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง และสมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง จากข้อมูลเบื้องต้นมีกองทุนหมู่บ้านฯ หลายพันกองทุนยื่นความประสงค์เข้าร่วมโครงการ “โคล้านครอบครัว” โดยกองทุนหมู่บ้านฯ จะต้องยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมสัญญากับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 6 เดือน หรือในกรอบวงเงิน 5,000 ล้านบาท แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงกำหนดก่อน ซึ่งจากการลงพื้นที่สร้างการรับรู้ถึงโครงการ “โคล้านครอบครัว” ให้กับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง และสมาชิกกองทุน ฯ ภาพรวมได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี สมาชิกกองทุน ฯ ให้ความสนใจโครงการ “โคล้านครอบครัว” เป็นจำนวนมาก หวังสร้างโอกาส สร้างรายได้ สร้างอาชีพจากการเลี้ยงโค โดยตนเองได้กำชับให้คณะกรรมการกองทุน ฯ พิจารณาคุณสมบัติสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการจะต้องมีใจรัก อดทน มีความตั้งใจที่จะเลี้ยงโคจริง ๆ เพื่อให้โครงการประสบความสำเร็จ เดินหน้าสู่ระยะที่ 2 ขยายกลุ่มผู้เลี้ยงวัวเพิ่มยิ่งขึ้น สานต่ออาชีพให้โอกาสแก่สมาชิกกองทุนฯ มากยิ่งขึ้น

นายอนุชา เน้นย้ำว่า รัฐบาลตระหนักและให้ความสำคัญกับการวางรากฐานที่มั่นคงให้กับเศรษฐกิจไทย ซึ่งได้เน้นพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้ประชาชนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ เกิดการสร้างอาชีพ และการกระจายรายได้อย่างทั่วถึงพึ่งพาตนเองได้ โดยเร่งปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยไปสู่รูปแบบใหม่ให้เท่าทันเทรนด์โลก ตามแนวคิด BCG Economy Model ซึ่งจะช่วยต่อยอดจุดแข็งของประเทศให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น โดย BCG จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ให้เติบโตแบบก้าวกระโดด กระจายโอกาส กระจายรายได้ และนำความมั่งคั่งไปสู่ชุมชนในท้องถิ่นอย่างทั่วถึง นำพาประเทศไทยไปสู่ประเทศรายได้สูง และมีเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืนในอนาคต สอดคล้องกับการดำเนินโครงการ “โคล้านครอบครัว” ที่ส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ BCG Model ควบคู่ ปรับเปลี่ยนการทำเกษตรแบบดั้งเดิมที่ “ผลิตมาก แต่รายได้น้อย” (More for less) ไปสู่เกษตรสมัยใหม่ที่ “ผลิตน้อย แต่สร้างรายได้มาก” (Less for more) โดยมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าเกษตรให้มีมูลค่าสูงหรือเป็นสินค้าพรีเมียม ส่งเสริมระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนที่นำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มประสิทธิภาพ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

โดยวันนี้ นายอนุชา นาคาศัย ได้มอบหมายให้นายธัชชญาณ์ณัช เจียรธนัทกานนท์ เลขานุการรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “สร้างเศรษฐกิจฐานราก สร้างชาติมั่นคง” ณ หอประชุมเมืองโพธาราม ตำบลโพธาราม อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ภายใต้โครงการเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานราก เพื่อการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืน โดยมี นายรณภพ เหลืองไพโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี นายวิชิต เครือสุข รองผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ผู้แทนส่วนราชการ ผู้บริหารส่วนท้องถิ่น สมาชิกกองทุนฯ ในพื้นที่รับผิดชอบ 8 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี, ราชบุรี, เพชรบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, นครปฐม, สมุทรสาคร, สมุทรสงคราม และสุพรรณบุรี เข้าร่วมกิจกรรมเพิ่มทักษะจากผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ อาทิ การบริหารจัดการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองสู่ความสำเร็จเข้มแข็งอย่างยั่งยืน (ประธานเครือข่าย/ผู้ทรงคุณวุฒิ/ผู้แทน สทบ.สาขาเขต), โครงการโคล้านครอบครัว โดยพรชัยฟาร์ม และสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดราชบุรี, การดำเนินงานกองทุนหมู่บ้านตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG โดยหอการค้าจังหวัดราชบุรี, เสวนากองทุนหมู่บ้านต้นแบบ “ทำแล้ว ทำง่าย ทำได้…ไม่ยาก” โดยกองทุนหมู่บ้านวัดพระศรีอารย์ หมู่ที่ 9 ตำบลบ้านเลือก อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี, การดำเนินงานโครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย, การจัดสวัสดิการสำหรับสมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง, กิจกรรม Business Matching และกิจกรรมการจัดแสดงนิทรรศการเพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองอีกด้วย