นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน สำหรับการหารือร่วมกับพรรคเพื่อไทย เมื่อวานนี้ (14 ก.ค. 66) ว่า ทางพรรคก้าวไกลยืนยันจะเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในการโหวตเลือกนายกฯอีกครั้ง ในการประชาสภาผู้เเทนราษฎร ในวันที่ 19 ก.ค.นี้ โดยทางพรรคเพื่อไทยก็จะนำเรื่องนี้ไปหารือกันอีกครั้ง
ส่วนในการประชุม ก็มีการพูดคุยกันในหลายเรื่อง ทั้งการหาวิธีป้องกัน จากกระแสข่าวว่าอาจมี สว.บางคน พยายามเสนอให้มีการตีความข้อบังคับการประชุมของรัฐสภา ว่าการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจะสามารถทำซ้ำได้หรือไม่ ส่วนนี้ทางเราเห็นตรงกันว่า ไม่สามารถตีความข้อบังคับแบบนั้นได้ เพราะข้อบังคับนั้นมีไว้ใช้สำหรับญัตติทั่วไป แต่การเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นกรณีเฉพาะ ซึ่งกำหนดไว้ตามรัฐธรรมนูญ ว่า หากไม่สามารถเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ซ้ำได้ ก็อาจทำให้เกิดปัญหาในอนาคตได้ ฉะนั้นเหตุผลที่จะตีความแบบนั้นคงไม่ถูก
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า จะมีการเสนอชื่อนายกฯ แข่งจากเสียงข้างน้อย ก็คงมีหารือกันหลายเรื่อง ถึงวิธีการที่จะทำให้ได้เสียงสนับสนุนมากขึ้นในการประชุมครั้งต่อไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ จะมีการเสนอชื่อ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพื่อแข่งกับนายพิธานั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า ก็มีการพูดคุยกัน ซึ่งเป็นภารกิจของ 8 พรรค โดยเฉพาะพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ที่ต้องจับมือกันให้แน่น เพื่อไม่ให้เกิดรัฐบาลเสียงข้างน้อย อย่างไรก็ตาม ได้มีการตกลงกันว่า จะมีการนัดประชุมพรรคร่วม 8 พรรค ในเช้าวันอังคารที่ 18 กรกฎาคมนี้ ซึ่งตอนนี้กำลังมีการประสานงานกัน
ส่วนกรณีที่พรรคก้าวไกลได้ยื่นเสนอแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 272 เพื่อปิดสวิตซ์ สว. ทางพรรคเพื่อไทยเห็นด้วยหรือไม่นั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้ขัดข้องในเรื่องนี้ เพราะเราผลักดันเรื่องนี้มาหลายครั้งในสภา ส่วนเรื่องระยะเวลามองว่า ไม่นานถึง 4 เดือน ต้องเข้าใจว่า เป็นข้อเสนอทางเลือกที่คู่ขนานกันไปกับกระบวนการเลือกนายกฯ เพราะเราไม่รู้ว่าการเลือกนายกฯ ต้องเลือกอีกกี่ครั้ง เราจึงเสนอทางออกว่า หาก ส.ว. ไม่ประสงค์ใช้สิทธิ์ งดออกเสียง หรือไม่เข้าร่วมประชุม แบบนี้จะนำมาสู่ทางตันทางการเมือง ดังนั้น เราจึงเสนอทางเลือกให้ ด้วยการปิดสวิตซ์ ส.ว. ไปเลย เพื่อคืนอำนาจในการเลือกนายกฯ ให้กับประชาชน เพราะจะไม่นำมาสู่ทางตันด้วย ยืนยันว่า เรื่องนี้ทำคู่ขนานกันได้ หากสามารถนัดประชุมสภาได้เร็ว ซึ่งเป็นอำนาจของประธานสภาฯ และผ่านวาระ 1 ได้ ก็ใช้เวลาเพียง 3-4 สัปดาห์ก็เสร็จ
เมื่อถามว่า หากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในสัปดาห์หน้า จะกระทบต่อการโหวตนายกฯ หรือไม่ นายชัยธวัช ระบุว่า การประชุมไม่ได้คุยเรื่องดังกล่าว เราเข้าใจดีอยู่แล้วว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะเมื่อปี 62 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ก็ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว แต่ก็ยังสามารถเสนอชื่อและโหวตในสภาได้ตามปกติ ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกัน ไม่ว่าใครก็ตามที่มีข้อกล่าวหา เราก็ต้องถือหลักสันนิษฐานไปก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยถึงที่สุด
ทั้งนี้ นายชัยธวัช กล่าวถึงประเด็นที่มี ส.ว. ออกมาบอกว่านายพิธามีตำหนิไม่อยากส่งถึงกระบวนการลงพระปรมาภิไธย ส่วนตัวคิดว่า เรื่องนี้มีความพยายามเชื่อมโยงที่ไม่เหมาะสม ซึ่งในทางการเมือง มีผู้รับผิดชอบอยู่แล้ว หรือมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการอยู่แล้ว เรื่องนี้จึงไม่เกี่ยว เพราะในอดีตที่ผ่านมามีผู้ที่มีตำหนิ หรือเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แล้วถูกตรวจสอบในภายหลังว่า ไม่มีความเหมาะสมขาดคุณสมบัติ ซึ่งเป็นเรื่องกระบวนการตรวจสอบถ่วงดุลย์ในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งพระมหากษัตริย์ไม่ได้เกี่ยว ทรงใช้อำนาจโปรดเกล้าในฐานะประมุขของรัฐ ตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ควรไปผูกโยงเรื่องดังกล่าว เพราะไม่เหมาะสมที่จะพูด
ส่วนประเด็นที่ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้ออกระบุว่า พร้อมร่วมงานกับทุกพรรค ขอแค่ไม่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือเป็นสัญญาณการแตกแถวของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปตีความขนาดนั้น ตนคิดว่า ใน 8 พรรค คงต้องพูดคุยกันเรื่อยๆ ประเมินสถานการณ์เป็นระยะ ก็อาจจะมีข้อเสนอใหม่ๆ เข้ามา เพื่อให้เกิดการจัดตั้งรัฐบาลได้จริง ทุกข้อเสนอและทุกความคิดเห็น สามารถนำมาถกเถียงแลกเปลี่ยนกันได้
นอกจากนี้ นายชัยธวัช บอกว่า วันนี้จะมีการประชุมออนไลน์ของ ส.ส. พรรคก้าวไกล โดยจะมีการหารือในหลายเรื่องที่ได้พูดคุยกับพรรคเพื่อไทย รวมถึงแนวทางในการผลักดันเสนอชื่อนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี และพูดคุยถึงสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน