คัดลอก URL แล้ว
‘ปิยบุตร’ ชี้หากแก้ ม.272 ไม่ได้ ก็ถอยมาเป็นฝ่ายค้าน

‘ปิยบุตร’ ชี้หากแก้ ม.272 ไม่ได้ ก็ถอยมาเป็นฝ่ายค้าน

วานนี้ (13 ก.ค.66) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นภายหลังที่ประชุมรัฐสภา วานนี้ (13 ก.ค.66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้รับคะแนนสนับสนุนไม่เกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภาคือ 375 เสียง ทำให้ยังไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ได้นั้น

โดยระบุว่า แก้ 272 ปิดสวิทช์ ส.ว. หากพวกเขายังไม่ยอมอีก ก็ถอยมาเป็นผู้นำฝ่ายค้าน

หมายเหตุ – นี่คือความเห็นส่วนบุคคลต่อประเด็นการเมือง สาธารณะ ผมใช้เสรีภาพแสดงความเห็นในฐานะพลเมืองไทย ผมไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับพรรคก้าวไกลและไม่ได้ชี้นำ ครอบงำ สั่งการพรรคก้าวไกล ดังนั้น พวก “นักร้อง” ไม่ต้องไปร้องให้เสียเวลานะครับ

ผมติดตามการอภิปรายของสมาชิกรัฐสภาแต่ละฝักฝ่ายในการประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีในวันนี้ เห็นได้อย่างชัดเจนว่า… มีสมาขิกวุฒิสภาจำนวนมาก ทั้งที่ออกหน้ากล้าลงคะแนนไม่เห็นชอบ และทั้งที่ไม่กล้าออกหน้า เลือกงดออกเสียงหรือไม่มาประชุมแทน พวกเขาเหล่านี้ ให้ตายก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจกลับมาลงคะแนนเห็นชอบให้พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน

หากเราลองฟังเหตุผลของ ส.ว.และ ส.ส.อีกข้างหนึ่ง จำนวนหลายคนที่ได้อภิปรายในวันที่ 13 ก.ค. พวกเขาต่างยืนยันว่า ไม่เห็นชอบให้พิธาเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะ พรรคก้าวไกลต้องการเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

ต่างก็ยืนยันว่า ติดขัดอยู่เรื่องนี้แหละ วิทยา กับ ชาดา ถึงขนาดบอกว่า ก็รู้อยู่ว่าติดอยู่เรื่องนี้ ทำไมไม่ถอยเสีย

ในขณะที่พรรคก้าวไกล ก็ยืนยันว่า นี่คือนโยบายที่ได้รณรงค์หาเสียงกับประชาชนมาแล้ว จำเป็นต้องดำเนินการต่อ แต่ก็เป็นเรื่องของ ส.ส.พรรคก้าวไกลที่จะเสนอร่างเข้าสภา มิใช่เป็นเรื่องของรัฐบาล

เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ย่อมชัดเจนอยู่แล้วว่า ไม่มีทางที่ ส.ส.และ ส.ว.เหล่านี้ จะเปลี่ยนใจได้เลย เว้นแต่มี “ข้อมูลใหม่/สัญญาณใหม่” บังคับให้พวกเขาเปลี่ยนใจ หรือ มีมวลชนอันไพศาลออกมาเรียกร้องกดดัน ส.ว. หลายแสนคน หากไม่มีกรณีเหล่านี้เกิดขึ้น ลงคะแนนต่อไปอีกกี่ครั้ง ก็ไม่มีทางที่คนเหล่านี้จะกลับมาเห็นชอบให้พิธา เป็นนายกรัฐมนตรี

จริงอยู่… อาจบอกกันว่า ก็ลงมติกันไปเรื่อย ๆ รอจนอำนาจ ส.ว.ตามมาตรา 272 หมดลงใน พ.ค.ปีหน้า แต่พรรคก้าวไกลจะทนแรงเสียดทาน ลากไปให้ถึงวันนั้นได้หรือ ไหนจะมี “คมหอกคมดาบ” ของศาลรัฐธรรมนูญที่รอง้างไว้อยู่อีกหลายคดี

หากพรรคก้าวไกล เลือกวิธีเจรจาพรรคอื่นเข้าร่วมรัฐบาล เพื่อเพิ่มจำนวนเสียง ปัญหา คือ จะมีพรรคใดยอมเข้าร่วม ก็ในเมื่อพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคชาติไทยพัฒนา ต่างประกาศจุดยืนชัดเจนว่า ไม่ร่วมกับพรรคที่จะแก้ 112 พวกเขาอ้างประเด็น “112” เพื่อปิดล้อมพรรคก้าวไกล และพรรคก้าวไกล ก็ไม่มีทางยอมถอยประเด็นนี้

ดังนั้น การแสวงหาคะแนนจากพรรคอื่นก็คงยาก และอาจสายเกินไปที่จะพูดคุยแล้ว ครั้นพรรคก้าวไกลจะถอย ร่วมเสนอให้แคนดิเดตพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรีแทน และยังร่วมรัฐบาลอยู่ ผมก็ไม่แน่ใจว่า บรรดา ส.ว. จะยอมหรือไม่ เพราะ พวกเขาน่าจะไม่ปรารถนาเห็นพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลเลยด้วยซ้ำ เช่นเดียวกัน ส.ส.จากพรรคภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ฯลฯ ก็คงไม่ยอม เพราะ พวกเขาอยาก “เสียบ” เข้าร่วมรัฐบาลแทนพรรคก้าวไกลมากกว่า ถึงเวลา เขาก็อ้างอีกว่า โหวตให้ไม่ได้ เพราะ รัฐบาลที่กำลังจะตั้งมีพรรคก้าวไกลที่ต้องการเสนอแก้ 112

ผมทราบจาก พริษฐ์ วัชรสินธุ เพื่อน ส.ส.พรรคก้าวไกลว่า เขามีความคิดเตรียมเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม เพื่อยกเลิกมาตรา 272 โดยทันที และ ส.ส.พรรคก้าวไกล ก็เตรียมเข้าชื่อเสนอร่างแล้ว

ผมได้ฟังความเห็นของเขา ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ร่างแบบนี้ เคยเสนอในสภาชุดที่แล้ว แต่ตกไป ในครั้งนั้น ส.ส.เกือบทุกพรรค และมี ส.ว.หลายคนเห็นด้วยกับการยกเลิกมาตรา 272

มาถึงวันนี้… มี ส.ว.พวกที่งดออกเสียง หรือ ไม่มาลงคะแนน หลายคนอ้างว่า ต้องการ “ปิดสวิทช์ ส.ว.” ไม่อยากเข้าร่วมใช้อำนาจตามมาตรา 272 เลือกนายกรัฐมนตรี (แต่เมื่อ 4 ปีก่อน พวกเขากลับขานชื่อประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างพร้อมเพรียงกัน) ดังนั้น เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของพวกเขา จะได้ไม่ต้องมาลงมติตามมาตรา 272 อีก รัฐสภาจึงควรเร่งดำเนินการยกเลิกมาตรา 272 โดยเร็วที่สุด ผมเชื่อว่าไม่เกิน 4 สัปดาห์ ก็สามารถทำได้เสร็จเรียบร้อย
ส.ส.พรรคก้าวไกล มี 151 คน สามารถเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมได้ด้วยตนเองอยู่แล้ว

ดังนั้น พวกเขาเหล่านี้ ย่อมหมดข้ออ้างแล้ว หาก ส.ว.คนใดรู้สึกกล้ำกลืนฝืนทนกับการเลือกพิธา ก็ให้มาลงคะแนนยกเลิกมาตรา 272 เสีย เพียงเท่านี้ ส.ว.ก็จะได้ชื่อว่า ร่วมกัน “ปิดสวิทช์ ส.ว.” อย่างแท้จริง นี่คือวิธีการต่อสู้แบบเป็นไปได้

การลงคะแนนเสนอพิธาไปเรื่อย ๆ โดยไม่ได้ทำอะไรอื่นเลย ไม่มีทางที่จะได้คะแนนเพิ่มมากกว่าวันนี้ หากพวกเขายังไม่ยอมยกเลิกมาตรา 272 ให้อีก ก็ให้มันรู้ไป อย่างน้อย พรรคก้าวไกลก็ได้ทำให้ประชาชนเห็นแล้วว่า พยายามต่อสู้อย่างถึงที่สุดแล้ว พยายามปกป้องคะแนนเสียงร่วม 27 ล้านเสียง พยายามแปลงคะแนนเหล่านี้ให้ออกมาเป็นผลลัพธ์อย่างเต็มที่แล้ว แล้วถอยออกมาประจานระบบนี้ให้สังคมไทยได้รู้

ให้ประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศได้รู้กันอย่างถ้วนหน้าว่า “พวกเขาจากหลายฝักฝ่าย” รวมหัวกันสกัดกั้นและทำลายพรรคก้าวไกลผู้ทำหน้าที่ยานพาหนะของความหวัง จงยืดอกอย่างภูมิใจและทระนงองอาจในความเป็น “แกะดำ” ของการเมืองไทย ในวันนี้

แล้วอดทนรณรงค์อย่างต่อเนื่อง เส้นแบ่ง “ใหม่/เก่า” และขั้วขัดแย้งในการเมืองไทย ชัดขึ้นกว่าเดิม แหลมคมกว่าเดิมเมื่อ 14 ล้านยังไม่พอในวันนี้ ต้องทำให้ได้ถึง 20 ล้าน 25 ล้านในวันพรุ่ง


ข่าวที่เกี่ยวข้อง