คัดลอก URL แล้ว
“เศรษฐา” ย้ำ จับมือ “ก้าวไกล” เหนียวแน่น ยึดข้อตกลงที่ทำร่วมกันทั้ง 8 พรรค

“เศรษฐา” ย้ำ จับมือ “ก้าวไกล” เหนียวแน่น ยึดข้อตกลงที่ทำร่วมกันทั้ง 8 พรรค

นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีสมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว. ส่วนใหญ่มีจุดยืนชัดเจนที่จะไม่ยกมือโหวตนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายรัฐมนตรี ส่วนตัวมีความกังวลหรือไม่นั้น ว่า ส่วนตัวไม่มั่นใจว่าชัดเจนขนาดไหน เพราะเห็นทางนายพิธาเองก็มั่นใจว่าจะรวบรวมเสียงได้ 376 เสียง ก็เป็นกำลังใจให้ ส่วนในพรรคเพื่อไทยก็มั่นใจว่าจะโหวตให้นายพิธา ไม่มีใครแตกแถว

ส่วนสมาชิกวุฒิสภาบางคนก็ยืนยันชัดเจนว่าหากเป็นแคนดิเดตนายกฯ หากมาจากพรรคเพื่อไทยก็พร้อมสนับสนุน นายเศรษฐา บอกว่า ส่วนตัวก็ยินดี แต่ในส่วนของ 8 พรรคร่วมรัฐบาลก็มีเสียงอยู่แล้ว 312 เสียง ต้องการอีกประมาณ 60 กว่าเสียงเท่านั้น ซึ่งนายพิธาก็ยืนยันแล้วว่าจะสามารถรวบรวมเสียงที่เหลือได้

ขณะเดียวกัน ส.ว. ควรจะยึดในหลักการเดิมที่เคยได้ให้ไว้ในตอนแรก คือ จะยกมือให้พรรคที่รวบรวมเสียงข้างมากได้ก็พร้อมสนับสนุน แต่ตอนหลังมีเรื่องมาตรา 112 เป็นเงื่อนไขหลักทำให้ไม่สามารถสนับสนุนนายพิธาได้นั้น นายเศรษฐา บอกว่าเป็นความเห็นของ ส.ว. หลายท่าน แต่ก็มีอีกหลายท่านที่ไม่ออกความเห็น จึงเชื่อว่าในวันที่ 13 กรกฎาคม ส.ว. น่าจะทำตามฉันทามติของประชาชน

ส่วนถ้าในการโหวตครั้งแรกนายพิธาเสียงไม่ถึงนั้นควรที่จะให้โอกาสหรือไม่นั้น นายเศรษฐา บอกว่า ก็ต้องมาพิจารณาดู คะแนนเสียงที่ได้เป็นอย่างไรบ้าง แต่ก็ควรจะมีการให้โอกาส หากขาดเสียงไปเพียงเล็กน้อย และหากนายพิธาไม่ได้ แคนดิเดตก็จะตกมาเป็นของพรรคเพื่อไทยนายเศรษฐาบอกว่ายังไม่อยากให้ไปมองตรงนั้นเพราะเราอยู่ในฝั่งพรรคร่วมรัฐบาลเดียวกันต้องโหวตให้กันอยู่แล้วตรงนี้อาจจะไม่เหมาะสมหากจะให้ความเห็นออกไปในทิศทางอื่น

ขณะที่พรรคก้าวไกลหากจะไม่ได้เสียง ส.ว. หรือเสียงโหวตอาจจะไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ควรที่จะถอยให้พรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น นายเศรษฐาบอกยังไม่มีการคุยเรื่องนี้ไม่เคยคุยเรื่องก้าวไกลจะสละตัวเองออกจากแคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรี อย่างไรก็ตามพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลก็ตัวติดกันมาจากฝ่ายประชาธิปไตยแต่พรรคร่วมก็เซ็นต์บันทึกข้อตกลง MOU เรียบร้อยแล้วประเด็นที่บอกว่าเราจะแยกจากกันนั้นไม่เคยได้ยิน

ส่วนที่ ส.ว. บางคนยังบอกอีกว่า พร้อมจะสนับสนุนพรรคเพื่อไทยที่จะเสนอชื่อแคนดิเดตไม่ว่าจะเป็นนายเศรษฐา หรือนางสาวแพรทองธาร ชินวัตร แต่ เงื่อนไขว่าพรรคก้าวไกลต้องถอย นายเศรษฐาบอกว่าเป็นเสียงของ ส.ว.เพียง 1-2 คนเท่านั้น ซึ่งก็ยังมั่นใจว่าเสียง ส.ว. อีก 200 กว่าเสียงจะเคารพเสียงที่มาจากพี่น้องประชาชน และพรรคเพื่อไทยก็พร้อมที่จะทำตามบันทึกข้อตกลง MOU ที่ทำไว้ไม่ได้มองเป็นโอกาสดีของพรรคเพื่อไทย

ขณะที่หากครั้งแรกโหวตนายกฯไม่ผ่าน ในครั้งแรก หรือครั้งที่ 2 ควรจะมีครั้งต่อไปอีกหรือไม่นั้น นาย เศรษฐาบอกว่ายังมองไปไม่ถึงตรงนั้นค่อยค่อยมองไปทีละขั้นตอน เพราะอย่างที่ได้เน้นย้ำไปแล้วพรรคเพื่อไทยมาจากฝ่ายประชาธิปไตยและได้พูดคุยตกลงกันเรียบร้อยได้ข้อสรุปแล้วว่าอย่างการโหวตประธานสภาและรองประธานสภาก็ผ่านไปได้ด้วยดีครั้งโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีก็หวังว่าจะจบลงด้วยดี รวมถึงที่นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่ 2 ออกมาให้ความเห็นหักครั้งแรกไม่ผ่านก็อาจจะมีการยืดเวลาออกไปครั้งที่สองครั้งที่สามภายในกรอบวันที่ 19 ถึงวันที่ 20 กรกฎาคมนั้น ส่วนตัวมองว่าเป็นความเห็นส่วนตัวแต่คิดว่าควรจะเป็นเรื่องของประธานสภาเป็นคนกำหนด ส่วนจะกำหนดในระยะเวลากี่วันนั้นก็ดูตามความเหมาะสมเพราะเป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติส่วนตัวไม่ขอไปก้าวล่วง

ทั้งนี้ช่วงท้ายผู้สื่อข่าวย้ำถามนายเศรษฐา ยังยืนยันหนักแน่นที่จะสนับสนุนให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี แม้ติดเงื่อนไขที่จะแก้ มาตรา 112 ที่มองว่าพรรคก้าวไกลควรที่จะลดเงื่อนไขดังกล่าวลงหรือไม่ นายเศรษฐา ย้ำว่า เราทำตาม MOU ที่ได้ตกลงกันไว้ และไม่สามารถแก้ไข MOU ได้ โดยยืนยันว่า ทุกวันนี้ก็ยังจับมือกับพรรคก้าวไกลอยู่ ไม่ได้ติดใจอะไร และยังประชุมร่วมกันอยู่อย่างต่อเนื่อง


ข่าวที่เกี่ยวข้อง