เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง สำหรับ เดกซ์ (ดรีม เอกซ์เพรส) ที่ล่าสุด
จัดงานเปิดตัว Ultraman Blazar ยอดมนุษย์คนล่าสุด ตอกย้ำความเป็นเจ้าตลาดผู้นำเข้าและบริหารลิขสิทธิ์จากประเทศญี่ปุ่นที่อยู่คู่คนไทยมานานกว่า 20 ปี พร้อมเตรียมลุยตลาดธุรกิจลิขสิทธิ์จากประเทศญี่ปุ่นแบบครบวงจร
นายกฤษณ์ สกุลพานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยภายในงาน Ultraman Decker Final Tour Journey To Blazar ว่า “อุลตร้าแมน” ถือเป็นคาแรกเตอร์ที่เติบโตมาพร้อมกับ DEX (เดกซ์) อย่างยาวนาน โดย “เดกซ์” ได้รับความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจาก Tsuburaya Productions เจ้าของลิขสิทธิ์ประเทศญี่ปุ่น ให้เป็นผู้บริหารลิขสิทธิ์ยอดมนุษย์อุลตร้าแมนแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยจนถึงปัจจุบัน ซึ่งทำหน้าที่หลัก ในการดูแลบริหารจัดการลิขสิทธิ์ภาพรวม ได้แก่ การอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์ทั้งการตลาด แคมเปญ สินค้า และบริการต่างๆ รวมถึงการออกอากาศผ่านสื่อโทรทัศน์ ภาพยนตร์ และสื่อผ่านโครางข่ายอินเทอร์เน็ต (OTT และ VOD) นับว่าเป็นงานที่ท้าทาย
ในการนำ “อุลตร้าแมน” ที่โด่งดังและเป็นที่นิยมในยุคก่อนมาขยายผลทางการตลาดในปัจจุบัน เพื่อให้แฟนๆ ได้กลับมาคิดถึงอุลตร้าแมนอีกครั้ง รวมถึงการส่งต่อคาแรคเตอร์กันแบบรุ่นสู่รุ่น จนกลายเป็นที่รู้จักและนิยมกันอย่างแพร่หลาย
อีกครั้งในปัจจุบัน
“การเริ่มต้นทำตลาดด้านบริหารลิขสิทธิ์อุลตร้าแมน คือหนึ่งในก้าวแรกที่ประสบความสำเร็จ และเป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน ทำให้ “เดกซ์” กลายเป็นเจ้าตลาดด้านการบริหารธุรกิจอนิเมะและการ์ตูนจากประเทศญี่ปุ่นหลายคาแรกเตอร์ อาทิเช่น วันพีซ ดาบพิฆาตอสูร กันดั้ม มาส์คไรเดอร์ คุมะมง และอื่นๆอีกมากมาย และปัจจุบัน ผู้ติดตาม DEXclub ผ่านช่องทางออนไลน์รวมมากกว่า 2.5 ล้าน Subscribers ช่องทาง YouTube, Facebook, Twitter, Instagram : DEXClub รวมถึง Application ดูการ์ตูน “FLIXER” และ ผลตอบรับที่ดีด้วยเรทติ้งผู้ชมกว่า 7 แสนคน
ผ่านการแพร่ภาพผ่านทางโทรทัศน์ ช่อง 7HD เป็นอีกข้อพิสูจน์หนึ่งที่ย้ำความแข็งแกร่งของคาแรกเตอร์ “อุลตร้าแมน”
ในประเทศไทย และยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยอุลตร้าแมนซีรีส์ใหม่ๆที่เปิดตัวทุกปีจากประเทศญี่ปุ่น ไปยังประเทศต่างๆเช่น ประเทศจีน สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฮ่องกง ไต้หวัน เป็นต้น ซึ่งล่าสุดที่กำลังจะออกอากาศทางช่อง 7HD กลางเดือนกรกฎานี้ คือ อุลตร้าแมน เบลซาร์ (Ultraman Blazar) เพื่อสนองให้กลุ่มแฟนอุลตร้าแมน และกลุ่มคนดูใหม่ๆ ได้ร่วมสนุกตื่นเต้นกับฮีโร่ที่ชอบ เรื่องราว ข้อคิดดีๆ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในจักรวาลอุลตร้าแมนด้วยกัน”
นายกฤษณ์ กล่าวต่อว่า ช่วงปลายปีนี้ “เดกซ์” จะเริ่มพัฒนาต่อยอดธุรกิจเดิมให้มีความแข็งแกร่งขึ้น โดยก้าว
เข้าสู่ธุรกิจ Stage Show, Exhibition รวมถึงการทำ Event รูปแบบใหม่ๆ โดยเลือกจุดยุทธศาสตร์ในการสร้างการรับรู้
ในแบรนด์สินค้าภายใต้ลิขสิทธิ์ที่เราถือ ผ่านกลุ่มเป้าหมาย เหล่าแฟนอุลตร้าแมน เด็ก วัยรุ่นและครอบครัว เพราะเชื่อว่าผู้บริโภคกลุ่มนี้มีพลังร่วมสนับสนุนคาแรกเตอร์ที่ชอบ ผ่านการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ดีในมุมที่ทุกคนก็เป็นฮีโร่ เป็นอุลตร้าแมนได้ ผ่านกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับพาร์ทเนอร์ทั้งหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการในรูปแบบคอนเซปต์งานในด้านแนวความคิดและสิทธิประโยชน์ที่กลุ่มเป้าหมายจะได้รับอย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงการขยายธุรกิจไปสู่การบริหารลิขสิทธิ์ภาพยนตร์จากประเทศญี่ปุ่นอย่างเต็มตัว และธุรกิจร้านค้าปลีกกว่า 20 สาขา โดยมีแผน
ขยายไปยังหัวเมืองทั่วประเทศมากขึ้น แม้ว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ผลกระทบที่เกิดจากวิกฤตการณ์ไวรัสโคโรนา (COVID-19) ทำให้รายได้เราลดลงไปจากเดิมประมาณ 20% แต่ด้วยการบริหารงานภายใต้สถานการณ์นั้น เราคำนึงถึงปัจจัยทุกภาคส่วนทำให้เราผ่านพ้นและยังคงมีกำไรอยู่พอสมควร ที่สำคัญเรายังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับปีที่ผ่านมา (2022) รายได้ของบริษัทฯ โตขึ้นจากปีก่อนหน้าประมาณ 30% โดยมีกำไรอยู่ที่ประมาณ 50 ล้านบาท และคาดว่าในปีนี้ บริษัทฯ จะมีมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ สามารถบริหารลิขสิทธิ์ได้แบบครบวงจร และตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี
นายกฤษณ์ กล่าวปิดท้ายอีกว่า ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา สิ่งสำคัญที่ทำให้ “เดกซ์” เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในธุรกิจนี้ คือ การได้รับความเชื่อมั่น และความร่วมมือจากพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ สื่อต่างๆ และการตอบสนองจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นแผนธุรกิจ การตลาด การพัฒนาสินค้า ที่สอดคล้องกับแนวคิดของคาแรกเตอร์แต่ละเรื่องให้เหมาะสมกับสินค้าและบริการของตนเอง ถือเป็นการผนึกกำลังสนับสนุนให้ทุกคาแรกเตอร์ที่ถือลิขสิทธิ์อยู่นั้นเติบโตได้ และรู้จักแพร่หลายในระยะยาวต่อไปเป็นระบบนิเวศทางธุรกิจ ที่กลุ่มบริษัท “เดกซ์” ตั้งใจพัฒนาศักยภาพเพื่อต่อยอดทางธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนในประเทศไทยและต่างประเทศต่อไป