จากกรณีกระแสข่าว ส.ส.เขตทวีวัฒนา พรรคก้าวไกล ทำร้ายร่างกายแฟนสาวและมีการแจ้งความดำเนินคดีที่ จ.ชลบุรี ต่อมาทราบชื่อคือ นายสิริน สงวนสิน ส.ส.พรรคก้าวไกล โดยออกมาชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กว่า น้อมรับผิดทุกอย่างพร้อมยินดีเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย และการสอบสวนวินัยจากพรรค ซึ่งมีรายงานว่าทั้งสองฝ่ายได้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อดีตแฟนสาวของ นายสิริน ได้โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวเช่นกัน พร้อมเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมีข้อความระบุว่า
“ข้อเท็จจริงกรณีระหว่างดิฉันและคุณสิริน สงวนสิน ส.ส.พรรคก้าวไกล
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ดิฉันรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างดิฉันและคุณสิริน สงวนสิน ส.ส.พรรคก้าวไกล กลายเป็นข่าวที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานา และถูกนำเสนอไปในหลายทิศทาง โดยเฉพาะการนำเสนอของสื่อหลายช่องที่นำเสนอข่าวเกินจริง มีข้อมูลบางประการไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อตัวดิฉันเป็นอย่างมากและขัดต่อสิ่งที่ดิฉันต้องการจากการตัดสินใจแจ้งความต่อคุณสิริน
ก่อนอื่นดิฉันขอชี้เแจงข้อเท็จจริงในวันเกิดเหตุใน วันนั้นเรามีปากเสียงกันและเกิดการยื้อแย่งโทรศัพท์กันในรถ คุณสิรินใช้กำลังยื้อแย่งโทรศัพท์จากดิฉันจนทำให้โทรศัพท์มากระแทกหน้าดิฉันอย่างแรง ภายหลังที่มีการพูดคุยทำให้ทราบว่าเป็นการกระทำโดยมิได้ตั้งใจและยังมีเหตุการณ์ยื้อฉุดกันบริเวณข้างรถ ทำให้ดิฉันเผลอล้มกระแทกลงจนเป็นเหตุให้เกิดบาดแผล อีกทั้งคุณสิรินยังใช้คำพูดและอารมณ์ที่ทำให้ดิฉันรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง ดิฉันจึงตัดสินใจไปแจ้งความเพื่อปกป้องสิทธิของตนเอง และต้องการให้คุณสิรินได้สำนึกว่าตนเองทำเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
หลังจากดิฉันไปแจ้งความ คุณสิรินและครอบครัวได้ติดต่อมายังดิฉัน และคุณสิรินกับครอบครัวได้แสดงความสำนึกผิด อีกทั้งตระหนักว่าตนเองกระทำผิดต่อดิฉัน และได้ขออภัยดิฉันอย่างจริงใจแล้ว ทำให้ดิฉันและครอบครัวไม่ติดใจเอาความต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะสิ่งที่ดิฉันต้องการได้บรรลุผลแล้ว นั่นคือให้บทเรียนกับคุณสิริน และทำให้เขาตระหนักว่าต้องไม่มีพฤติกรรมเช่นนี้กับดิฉันหรือบุคคลใด ๆ อีก
ดิฉันขอแจ้งให้ทราบตรงนี้ว่าดิฉันไม่ติดใจเอาความคุณสิรินและหวังว่าบทเรียนที่เขาได้จากสังคม จากการถูกแจ้งความ รวมถึงบทลงโทษที่เขากำลังจะได้รับจากพรรคก้าวไกล จะเพียงพอทำให้คุณสิริน และนักการเมืองทุกคนตระหนักว่าการใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล ไม่ว่าต่อเพศใด โดยเจตนาหรือไม่มีเจตนาก็ตาม เป็นสิ่งที่สังคมไม่ยอมรับ และผู้กระทำผิดจะต้องได้รับผลจากการกระทำนั้นค่ะ”