วันจันทร์ ที่ 3 ก.ค.66 กรมสอบสวนคดีพิเศษ เตรียมประชุมคณะพนักงานสอบสวน คดี บริษัท สตาร์คฯ คอร์เปอเรชั่น เพื่อเร่งรัดเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง หลังสืบทรัพย์พบว่าเหลือให้อายัด และขายทอดตลาดได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ทำหนังสือแจ้ง ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า บริษัท ไม่สามารถชำระหนี้ หุ้นกู้ ที่ครบกำหนดไถ่ถอน วันที่ 2 กรกฎาคมนี้ เพราะบริษัท ยังมีหนี้หุ้นกู้ทุกรุ่น รวมกันประมาณ 9 พัน 2 ร้อยล้านบาท
บริษัท จึงต้องเพิ่มความระมัดระวัง ในการชำระหนี้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพื่อไม่ให้เกิดการเลือกปฏิบัติ ซึ่งอาจกระทบการเจรจาบริหารหนี้ หรือ ถูกเพิกถอนหลักประกัน
ขณะที่ บริษัทจัดการกองทุน ในฐานะเจ้าหนี้รายหนึ่ง หารือทีมกฎหมาย ฟ้องแพ่ง อดีตผู้บริหารสตาร์คฯ แทนการรอให้บริษัทเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ซึ่งใช้เวลาดำเนินการหลายปี
ประกอบกับ การเปิดเผยงบการเงินปี 2565 ของบริษัท ซึ่งพบการทุจริต และระดมเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ จึงไม่สมควรเจรจาให้ลด หรือ ปรับโครงสร้างหนี้ หลังบริษัท อาจยื่นขอศาลล้มละลาย เพื่อเข้าแผนฟื้นฟูกิจการ ในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้
ขณะที่ ลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า กรมฯ ยังไม่พิจารณา คืนเงินภาษี ที่บริษัทสตาร์คฯ ใช้เป็นเครื่องมือตบแต่งบัญชี เพราะอยู่ระหว่างประสานการทำงานกับ ปปง. และดีเอสไอ ตรวจสอบเส้นทางเงิน การชำระภาษี และอาจมีความผิด ฐานยื่นเสียภาษีเท็จ
รายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุว่า ดีเอสไอ เตรียมประชุมคณะพนักงานสอบสวน จันทร์นี้ ก่อนทยอยออกหมายเรียกผู้บริหารสตาร์คฯ โดยกำลังพิจารณาความผิด ฐานยักยอกทรัพย์ ซึ่งเป็นความผิดมูลฐาน เพื่ออายัดทรัพย์ และขายทอดตลาด นำเงินมาจัดสรรคืนผู้เสียหาย แต่ยอมรับ จากการสืบทรัพย์เบื้องต้นพบว่าเหลือน้อยมาก ซึ่งคาดว่าอาจมีการทยอยผ่องถ่ายทรัพย์ไปแล้ว