กรณีผู้โดยสารหญิง อายุ 57 ปี ประสบอุบัติเหตุขาติดทางเลื่อนจนขาขาดตั้งแต่บริเวณหัวเข่า เหตุเกิดตั้งแต่ช่วงเช้า (8.27 น.) ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเหตุมีทีมแพทย์ นำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ ล่าสุดย้ายผู้บาดเจ็บไปยัง รพ.บำรุงราษฏร์ สุขุมวิท
ทั้งนี้จะดูแลผู้โดยสารให้ดีที่สุด พร้อมรับผิดชอบดูแลค่ารักษาและค่าชดเชย ซึ่งทุกคนเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างยิ่ง
มีผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตถึงภาพอุบัติเหตุ จะเห็นว่า Declamajure ที่เห็นเป็นแถบสีเหลือง หักอยู่นั้น จะมีผลเกี่ยวกับอุบัติเหตุหรือไม่ ผอ.ท่าอากาศยานดอนเมือง ชี้แจงว่า ดูภาพซีซีทีวีเป็นภาพระยะไกล พบว่ามีล้อกระเป๋าอยู่ใต้สายพานและ “ซี่หวี” 2 ล้อ สาเหตุของอุบัติเหตุยังไม่สรุปว่าผู้โดยสารสะดุดหรือเกิดจากอุปกรณ์ ซึ่งที่ผ่านมาหาก “ซี่หวี” หักเกิน 2 ซี่ที่อยู่ติดกันจะเปลี่ยนทันที
ทั้งนี้จะตั้งกรรมการสืบสวนหาข้อเท็จจริง และเชิญวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือ วสท. ร่วมตรวจสอบ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ และเรียกความเชื่อมั่นการใช้งาน นายชยาศิส บำรุงสวัสดิ์ ผอ.ฝ่ายไฟฟ้าและเครื่องกล ท่าอากาศยานดอนเมือง ระบุว่า ปกติอุปกรณ์เซฟตี้จะอยู่ด้านข้าง แต่ส่วนที่เป็น “ซี่- พื้นทางเลื่อน” จะมีตัววัดความตึง หากสะดุด เซนเซอร์จะตรวจจับและหยุดทางเลื่อนทันที แต่กรณีที่มีการกระแทกอาจทำให้เซ็นเซอร์ไม่ทำงานหรือไม่ ซึ่งต้องตรวจสอบให้ชัดเจน
ท่าอากาศยานฯ เผยเตรียมเปลี่ยนทางเลื่อนทั้งหมด ปี ’68
ทางเลื่อนที่เกิดเหตุเป็นของ บริษัท สยาม ฮิตาชิ เอลิเวเตอร์ จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายของบริษัทฮิตาชิ ในประเทศญี่ปุ่น ในท่าอาศยานดอนเมืองมีทางเลื่อนทั้งหมด 20 ตัว ตอนนี้สั่งให้หยุดการใช้งานทั้งหมดก่อนจนกว่าจะพบสาเหตุที่แน่ชัด
บริษัทยืนยันว่าอะไหล่ไม่มีปัญหาและใช้งานได้นาน มีความปลอดภัย และมีการตรวจตามวงรอบ ซึ่งท่าอากาศยานฯ มีแผนจะเปลี่ยนทางเลื่อนทั้งหมดใน ปี 2568 ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดของบประมาณ
ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมเครื่องกล ตั้งข้อสังเกตว่า ไม่ว่าจะเป็นบันไดเลื่อนหรือทางเลื่อนจะมี “จุดอ่อน” ที่ต้องระมัดระวัง แต่ต้องไม่ตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
