นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ แสดงความเห็นถึงการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องประเด็นรีดทรัพย์ผู้ต้องหา จำนวน 140 ล้านบาท ของผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ซึ่งตัวนายชูวิทย์ได้โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการแซะเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ ผบ.ตร.คนใหม่ ที่กำลังจะมีการพิจารณาในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า
นายชูวิทย์ กล่าวว่า วันนี้ประเทศไทยค่อนข้างประหลาด จากตำรวจเป็นโจร โจรเป็นตำรวจ ตามปกติแล้วไม่มีโจรที่ไหนอยากไปมีเรื่องกับตำรวจ แต่เหตุการณ์นี้คงจะมากเกินไป มีความรักมากเกินไปและแค้นมากจนทำให้โจรต้องมาแจ้งจับตำรวจ เหมือนสมัยช่วงที่ทำกิจการอาบอบนวด และออกมาเปิดเผยตำรวจที่เรียกรับเงิน ก็เพราะว่าตัวเลขที่เรียกมามากเกินไปจนทำให้ออกมาแฉ ส่วนกรณีของเป้ อาจจะแตกต่างตรงที่มีผู้อยู่เบื้องหลัง เนื่องจากถูกรีดเงินจำนวนมากและต่อเนื่องเป็นเวลานานจนไม่มีทางออกและตัดสินใจออกมาเปิดโปง
สำหรับตัวละครสำคัญอยู่ที่คนชื่อ “บอย” แหล่งข่าวรายงานว่าจะมามอบตัวช่วงบ่ายของวันนี้ ความสำคัญบอย เป็นผู้เจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้ต้องหา ถือว่าเป็นตัวละครสำคัญ ซึ่งมีความเกี่ยวโยงตั้งแต่สมัยของหลงจู๊-สมชาย เป็นผู้ที่มีทรัพย์สินมาก คิดว่าถ้ามีการมอบตัวน่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงในภาคธุรกิจสีเทาของฝั่งตะวันออก เพราะบอย มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายคน ทำให้บอยมีบทบาท ในการรีดเงินต่างๆ และมีความเป็นไปได้บอย น่าจะมีเส้นสายมากกว่า นายต้น ซึ่งเป็นสองคนที่เกี่ยวกับการรีดทรัพย์
นายชูวิทย์ ยังกล่าวด้วยว่า ที่บอกว่าให้จับตาดูให้ดีเพราะตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังไม่ลงตัว ในส่วนของผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ถือว่าเป็นหมากตัวหนึ่ง หากจะกระทำการเองก็คงจะทำไม่ได้ เพราะความรู้ความสามารถอาจจะไม่พอ เรื่องนี้ตนจึงคิดว่ามีคนที่ใหญ่กว่านั้นรู้เรื่องมากกว่า
โดยที่ผ่านมาการจ่ายเงินของเว็บไซต์พนันมีราคามาก สำหรับประเทศไทยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึง 3 หน่วยงาน แต่เว็บพนันเหล่านี้ต่างก็ไม่ได้ลดลง ฉะนั้นจึงต้องติดตามว่ารัฐบาลใหม่ที่มาจะจัดการเรื่องนี้ได้เพิ่มขึ้นมากหรือไม่ เพราะการทุจริตคอร์รัปชั่น กลายเป็นเรื่องปกติกลายเป็นเรื่องความรัก รักมากต้องจ่ายมาก
ส่วนวลี “เป้รักผู้การเท่าไร ให้เป้เขียนมา” เป็นคำพูดที่มีการร่างบทมาก่อน ส่วนผู้การฯจะเป็นคนพูดเองหรือไม่ตนไม่ขอพูด
นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า การที่ผู้ต้องหาอย่างเป้มาแจ้งความตำรวจถือว่าเป็นเรื่องที่ประหลาด ถ้าโจรไม่ได้ถูกบีบขนาดนั้นคงจะไม่กล้าที่จะมาแจ้งความตำรวจ เกมนี้ที่มองเห็นอาจจะมีอะไรลึกซึ้งไปกว่านั้น ในระยะเวลาที่ไม่นานที่จะมีการผลัดเปลี่ยนตำแหน่งทุกคนก็จะต้องแสดงผลงาน ส่วนตนเองรู้มากกว่านั้นแต่พูดตรงๆว่าไม่ อยากจะยุ่งเกี่ยวด้วยไม่ใช่เรื่องของตน ไม่ใช่ศึกของตน
นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า ส่วนผู้ที่แข่งกันทำผลงานในฐานะแคนดิเดต ผบ.ตร. มีทั้ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนอื่นๆ ต่างก็ต้องแข่งขันสร้างผลงาน เป็นเรื่องปกติ
#ผู้การชลบุรี #ผู้การชลบุรี140ล้าน #ข่าววันนี้ #รีดทรัพย์140ล้าน #ชูวิทย์ #mononews #mono29 #ข่าวโมโน