ตํารวจสอบสวนกลาง (CIB) จับกุมนายชัยพรฯ อายุ 36 ปี ซึ่งถูกต้องหาว่ากระทําความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 “ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูป โดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาล ขายโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมตรวจยึดของกลาง ได้แก่ ไม้ประดู่ท่อน จํานวน 6 ท่อน มูลค่ารวม 92,050 บาท , รถยนต์กระบะบรรทุก จํานวน 1 คัน และ โทรศัพท์มือถือ จํานวน 1 เครื่อง โดยเข้าจับกุมได้ที่บริเวณ สภ.หางน้ําสาคร ตําบลหางน้ําสาคร อําเภอมโนรมย์ จ.ชัยนาท

พฤติการณ์สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตํารวจได้ทําการสืบสวนจนทราบว่า มีรถยนต์กระบะบรรทุกไม้ประดู่ ท่อนที่ อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก กําลังจะนําไปส่งให้ลูกค้าที่กรุงเทพฯ ใช้เส้นทางพิษณุโลก-พิจิตร- นครสวรรค์ ผ่าน จ.ชัยนาท เจ้าหน้าที่ตํารวจ บก.ปทส. จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตํารวจหลวงและเจ้าหน้าที่ ตํารวจ สภ.ทางน้ําสาคร เพื่อร่วมตรวจสอบตามเส้นทางสายเอเชีย นครสวรรค์-ชัยนาท

เมื่อตรวจสอบมาถึงบริเวณหน้ารีสอร์ทในพื้นที่ ม.4 ต.หางน้ําสาคร อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท เจ้าหน้าที่ ตํารวจได้สังเกตุเห็นรถยนต์กระบะคันดังกล่าวจอดอยู่ในรีสอร์ท เจ้าหน้าที่ตํารวจจึงได้เข้าตรวจสอบ พบนายชัยพรฯ เป็นคนขับรถยนต์กระบะคันดังกล่าว บรรทุกไม้ประดู่ท่อนมาจาก จ.พิษณุโลก

จากนั้นจึงเชิญนายชัยพรฯ พร้อมด้วยรถยนต์กระบะคันดังกล่าวมาตรวจสอบที่ สภ.หางน้ํา สาคร จากการตรวจสอบด้านหลังกระบะบรรทุกของโดยมีผ้าลายสีน้ำเงิน-เทาและสีดํา ปีดคลุมอย่างมิดชิด พบ ไม้ประดู่ท่อนจํานวน 6 ท่อน ตรวจไม่พบรูปรอยดวงตราถึงการอนุญาตที่บริเวณหน้าไม้ประดู่ท่อน มีร่องรอย การแปรรูปด้วยเลื่อยโซ่ยนต์ และยังมียางไหลติดอยู่หน้าไม้อยู่ ไม่มีเอกสารการได้มาซึ่งไม้ประดู่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตํารวจจึงได้นําตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.หางน้ําสาคร เพื่อดําเนินการ ตามกฎหมายต่อไป

เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่า ตนเองเป็นคนขับรถบรรทุกรับจ้างทั่วไป ได้รับจ้างบรรทุกไม้ประดู่ท่อนที่ ต.บ่อภาค อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก ซึ่งไม้ดังกล่าวเป็นของนายแอ้ ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริงโดยได้ติดต่อกันทางโทรศัพท์ ส่วนค่าจ้างบรรทุกแล้วแต่ตกลงกัน โดยมีนายเกรียงศักดิ์ฯ เป็นคนกลางติดต่อให้