“เลขาฯ ป.ป.ช.” ยัน “พิธา ” ยื่นบัญชีทรัพย์สิน หุ้นไอทีวี เป็นผู้จัดการมรดก ตามคำสั่งศาล ก่อนเข้ารับตำแหน่งปี 62 แต่ไม่ยืนยันหุ้นเป็นของ”พิธา” ด้วยหรือไม่
นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เปิดเผยถึงความคืบหน้าจากกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สิน และ หนึ่งในนั้นคือการยื่นเอกสารถือครองหุ้น บ. itv จำกัด (มหาชน) ในนามผู้จัดการมรดกซึ่งมีเอกสารทางราชการคือคำสั่งศาล และหนี้การค้ำประกันตามที่ได้ชี้แจงกับสื่อมวลชนไปแล้วก่อนหน้านี้
จากการตรวจสอบพบว่าเป็นการยื่นก่อนเข้ารับตำแหน่งตั้งแต่ปี 62 ซึ่งเป็นการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามปกติ และได้มีการยื่นเข้ามาเพิ่มเติมเป็นใบหุ้นของ itv ที่มีเอกสารระบุชื่อเป็นของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จำนวน 42,000 หุ้น มูลค่าประมาณ 42,000 บาท ซึ่งมีหมายเหตุกำกับและเอกสารประกอบคือคำสั่งศาล เมื่อประมาณเดือนมีนาคมปี 2550 ที่ได้ระบุว่า ให้นายพิธาเป็นผู้จัดการมรดก
ส่วนการโอนหุ้นของนายพิธานั้น ป.ป.ช.ก็จะต้องตรวจสอบด้วยเช่นกันว่ามีการโอน เรียบร้อยเมื่อไหร่ โอนก่อนหรือโอนหลังพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งต้องดูว่าหลังจากพ้นตำแหน่งทรัพย์สินดังกล่าวยังอยู่หรือไม่ ถ้าพ้นแล้วแต่ทรัพย์สินยังอยู่ก็ต้องยื่น แต่ถ้าพ้นแล้วทรัพย์สินไม่อยู่ก็ไม่ต้องยื่นตามกฎหมาย แต่ถ้ามีเหตุสงสัย อาจจะแค่สอบถาม เพราะหุ้นดังกล่าวมีมูลค่าเพียงกว่า 40,000 กว่าบาท ถ้าเทียบกับสัดส่วนที่ยื่นมาซึ่งเป็นทรัพย์สินจากการเป็นผู้จัดการมรดกรายการอื่น ถือว่าเป็นสัดส่วนที่เล็กน้อยมาก
ส่วนกรณีการเป็นผู้จัดการมรดก นอกจากจะมีคำสั่งศาล มีเอกสารอื่นประกอบด้วยหรือไม่ เลขา ป.ป.ช.ชี้แจงว่า จะต้องมีการตรวจสอบคำสั่งศาล ว่าเป็นสำเนาหรือต้นขั้ว เนื่องจากการตรวจสอบพบว่ามีเอกสารที่เกี่ยวข้อง 5 ชุด แล้วพบว่าเป็นเอกสารตั้งแต่ปี 2550 ผ่านมาแล้วกว่า 15 ปี ซึ่งอาจจะต้องใช้ระยะเวลานานกว่าปกติ ในการตรวจสอบ เนื่องจากทางราชการปกติแล้วเอกสารจะต้องทำลายเอกสารในเวลา 10 ปี ซึ่งการจะไปค้นข้อมูลเก่าของแต่ละหน่วยงานอาจเป็นไปด้วยความยากลำบาก และได้รับการแจ้งว่าอยู่ระหว่างการตรวจค้นยังหาไม่เจอ
เลขา ป.ป.ช.กล่าวอีกว่า ล่าสุดได้รับแจ้งจากทางศาล พบว่าการแต่งตั้งผู้จัดการมรดกดังกล่าวไม่มีผู้ใดคัดค้าน เพิ่งจะต้องไปดูว่าในพินัยกรรมมอบทรัพย์สินให้ใครบ้าง เพราะว่านายพิธา อาจจะมีหน้าที่แค่เป็นคนแบ่งทรัพย์สินให้กับทายาท ซึ่งในประเด็นดังกล่าว ป.ป.ช. ไม่ได้ขอเอกสารดังกล่าว เพราะไม่เกี่ยวกับ ป.ป.ช. เนื่องจากบทบาทหน้าที่ของ ป.ป.ช.มีหน้าที่ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน ณ วันที่เข้าและพ้นจากตำแหน่งเท่านั้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าในทางกฎหมายหุ้นตัวนี้ยังไม่ถือว่าเป็นของนายพิธา 100% ใช่หรือไม่ เลขา ป.ป.ช. กล่าวว่า ยังไม่สามารถพูดได้ ต้องไปตรวจสอบ ซึ่ง ป.ป.ช. จะรู้เพียงว่า เมื่อเข้ารับตำแหน่ง มีทรัพย์สินและหนี้สินดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งนายพิธา ได้ยื่นในฐานะเป็นผู้จัดมรดกให้ ป.ป.ช. แล้วเมื่อตอนเข้ารับตำแหน่ง ส่วนเขาจะมีการแบ่งสมบัติกันอย่างไร หรือทรัพย์สินตกเป็นของใครบ้างต้องดูพินัยกรรม ซึ่งหากไม่มีพินัยกรรมก็ต้องดูรายละเอียดการแบ่งทรัพย์สินอีกครั้ง ซึ่ง ป.ป.ช.ไม่มีส่วนในเรื่องนั้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นอกจากในฐานะผู้จัดการมรดกแล้วในฐานะทายาท นายพิธา มีสิทธิ์ได้รับมรดกส่วนนี้หรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่า ต้องไปตรวจสอบ ว่า มีพินัยกรรมหรือไม่ และพินัยกรรมระบุว่าให้ทรัพย์สินแก่ใครบ้าง และหากมีหลายอย่างก็จะมีการจัดตั้งผู้จัดการมรดก เพื่อเคลียร์ทรัพย์สินและแบ่งแยกให้ถูกต้อง อีกกรณีคือไม่มีพินัยกรรมหรือระบุไม่ชัดเจน ว่าทรัพย์สินจะยกให้ใคร เนื่องจากในครอบครัวมีพี่น้องหลายคน ผู้จัดการมรดกก็ต้องมานั่งคุยว่าจะแบ่งให้ใครบ้าง ถึงจะจัดการโอนทรัพย์สินดังกล่าวไปให้
ส่วนการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ อดีต ส.ส. กรณีพ้นจากตำแหน่งนั้นได้ยื่นมาแล้ว ร้อยละ 80 ส่วนที่เหลือขอขยายระยะเวลา ซึ่งจะสิ้นสุดใน 18 มิ.ย. นี้