วันนี้ (10 มิ.ย.66) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมกิจกรรม “ผู้ว่า กทม. สัญจร เขตหลักสี่” เพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินการตามนโยบาย ติดตามผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียน (Traffy Fondue) และปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงานของสำนักงานเขต
นายชัชชาติ กล่าวว่า โดยภาพรวมภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของกทม. การเก็บภาษีอาจจะได้เพิ่มขึ้นจากภาษีโรงเรือน แต่การเพิ่มขึ้นนั้นที่มาของรายได้อาจจะแตกต่างกัน เช่น แต่ก่อนผู้ประกอบการธุรกิจจ่ายภาษีโรงเรือนเยอะแต่ปัจจุบันกลายเป็นคนที่มีที่ดินจึงจ่ายภาษีมากกว่า จากการประเมินปี 2565 และ 2566 กระทรวงการคลังได้มีการปรับเกณฑ์ ตัวเลขที่น่าสนใจคือเจ้าของที่ดินที่กทม.เก็บภาษีมากที่สุดในเขตหลักสี่ คือ ศูนย์ราชการ ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์
เนื่องจากได้มีการพัฒนาดำเนินการในเชิงพาณิชย์ทำให้กทม.ต้องเก็บภาษี ในปี 2565 ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์เป็นศูนย์ราชการที่ต้องเสียภาษีตามปกติ กระทรวงการคลังได้มีการประเมินภาษีว่าธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ต้องเสียภาษีให้แก่กทม. 56 ล้านบาท แต่ปี 2566 เหลือเพียง 25 ล้านบาท
ขณะที่ที่ดินแปลงอื่นที่มีขนาดเล็กราคาประเมินเสียภาษีกลับเพิ่มขึ้น ที่ดินขนาดใหญ่กลับเสียภาษีน้อยลงทั้งที่อยู่พื้นที่ใกล้เคียงกัน นี่เป็นสิ่งที่ต้องฝากรัฐบาลใหม่ให้ช่วยทบทวนวิธีการคำนวณการเสียภาษีเป็นอย่างไร เนื่องจากภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นภาษีที่สำคัญของท้องถิ่น สำหรับการเก็บภาษีของเขตหลักสี่ปีนี้คาดว่าจะเก็บได้ประมาณ 290 ล้านบาทซึ่งใกล้เคียงกับภาษีโรงเรือน