คัดลอก URL แล้ว
ประธาน กกต. ยันนับคะแนนใหม่ไม่ส่งผลต่อการรับรองส.ส. คาดสัปดาห์หน้าชัดวันรับรอง

ประธาน กกต. ยันนับคะแนนใหม่ไม่ส่งผลต่อการรับรองส.ส. คาดสัปดาห์หน้าชัดวันรับรอง

วันนี้ (9 มิ.ย. 66) นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีการนับคะแนนใหม่ทั้ง 47 หน่วยว่าเป็นมติของกกต.ที่ได้มีการประชุม โดยเห็นว่ามีบัตรกับคนมาใช้สิทธิที่เท่ากัน แต่คะแนนไม่ตรงกัน อาจจะผิดพลาดในการขีดคะแนน จึงได้มีการให้นับคะแนนใหม่ และส่งกลับมาให้กกต.อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ยังมีบางหน่วยที่ยังพิจารณาไม่แล้วเสร็จ อาจจะมีการนับคะแนนใหม่ได้เพิ่มเติม

ทั้งนี้ การนับคะแนนใหม่ไม่ส่งผลต่อ การเปลี่ยนแปลงว่าที่ส.ส. เนื่องจากการนับเพียงแค่ 47 หน่วยเป็นการนับที่น้อยมาก หากเปรียบเทียบกับหน่วยเลือกตั้งทั้งหมด กว่า 95,000 หน่วย

ส่วนถ้าไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงส.ส. กฎหมายให้อำนาจกกต.ในการ วินิจฉัยว่าไม่ต้องนับคะแนนใหม่นั้น นายอิทธิพรกล่าวว่านี่เป็นอีกกรณีหนึ่ง ที่จะใช้เวลามีบัตรเขย่ง หรือที่เรียกว่าบัตรกับคนมาใช้สิทธิ์ไม่ตรงกัน ก็จะให้กกต. ใช้ดุลพินิจดูว่าคะแนนเขตนั้น ไม่มีผลต่อการเลือกตั้งก็อาจจะให้ยุติเรื่องได้ ซึ่งเป็นคนละกรณีกันที่สั่งนับใหม่ในตอนนี้

ส่วนที่มีข้อเรียกร้องให้ทยอยประกาศรับรองส.ส.นายอิทธิพร กล่าวว่าทำไม่ได้ ซึ่งตามกฎหมายการประกาศรับรองส.ส.ต้องรับรองทั้งหมดอย่างน้อยร้อยละ 95 เพราะฉะนั้นจะทยอยประกาศเป็นรายบุคคลไม่ได้

สำหรับจำนวนส.ส.ที่โดนร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกตั้งมีคนใดที่เข้าข่ายที่จะมีความผิดหรือไม่นั้น ตนก็ตอบไม่ได้ เพราะเป็นคำร้องที่ต้องดูว่าจะรับไว้พิจารณาหรือไม่ ถ้าไม่รับต้องให้กกต.ตัดสินใจแต่ถ้ารับแล้วก็จะเข้าสู่กระบวนการสืบสวนไต่ส่วนตามระเบียบ โดยขณะนี้การตรวจสอบคำร้องมีความคืบหน้า จะเห็นได้จากในการสั่งให้มีการนับคะแนนใหม่ ซึ่งกระบวนการตรวจสอบเบื้องต้น กกต.ต้องให้รับฟังรายงานผู้ตรวจการเลือกตั้ง ข้อมูลข่าวสารจากแหล่งอื่นๆ รวมถึงกระบวนการคำร้องด้วยถ้ากระบวนการเหล่านี้เสร็จก็สามารถประกาศผลได้เลย และกฎหมายกกต.จะต้องประกาศผลโดยเร็วแต่ไม่เกิน 60 วัน ซึ่งเชื่อว่ากระบวนการที่ทำขณะนี้การประกาศผลรับรองส.ส.จะเร็วกว่าครั้งที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนในวันประกาศรับรองส.ส.

พร้อมกันนี้นายอิทธิพรกล่าวถึงกรณีความคืบหน้าคำร้องของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์หัวหน้าพรรคก้าวไกลเกี่ยวกับการถือหุ้นสื่อ ว่าขณะนี้มีทั้งหมด 3 คำร้อง ซึ่งได้มีการเชิญผู้ร้องมาให้ถ้อยคำและยื่นหลักฐานเพิ่มเติมแล้ว และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่สำนักงานกกต. เสนอให้กกต.พิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับคำร้อง หากเป็นคดีความปรากฏ ถ้าไม่รับเรื่องจะจบไป แต่ถ้ารับจะเข้ากระบวนการตั้งคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน แล้วค่อยเรียกผู้ถูกร้องมาให้ถ้อยคำต่อไป


ข่าวที่เกี่ยวข้อง