“รังสิมันต์ โรม” ลุยตรวจสอบการใช้เส้นสายเข้าหลักสูตร กอส.ของ ตร. ตั้งข้อสังเกตเรื่องนี้ยิ่งกว่าตั๋วช้าง ไม่ได้มีแค่คนนามสกุลดัง แต่อาจมีธุรกิจผิดกม.ส่งคนเข้าเรียน ทำให้การปราบอาชญากรรมทำได้ยาก ลั่นในรัฐบาลก้าวไกล ตำรวจต้องกำลังขาจับโจร ไม่ใช่วิ่งเข้าหานาย
วันนี้ (8 มิ.ย. 66) นายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ส.ส.พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี ตำรวจหญิงรายหนึ่งที่ผ่านหลักสูตรการฝึกอบรมข้าราชการตำรวจ และบุคคลที่บรรจุหรือโอนมาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร (หลักสูตร กอส.) และได้เลื่อนยศอย่างรวดเร็ว ว่า เดิมทีหลักสูตรนี้วางไว้สำหรับบางคนที่มีวุฒิการศึกษาที่เขาเล็งเห็นว่าจะช่วยให้องค์กรตำรวจมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่เมื่อตรวจสอบแล้วจะเห็นว่าคนที่เข้ามาผ่านหลักสูตรดังกล่าวจะเป็นคนตระกูลดัง นามสกุลดัง และพ่อแม่อยู่ในแวดวงต่างๆ ซึ่งหมายถึงการใช้เส้นสาย ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของพรรคก้าวไกล ที่จะตรวจสอบรายชื่อในปี 2566
ขณะเดียวกันก็ต้องดูข้อมูลของปีก่อนหน้าด้วย ว่าหลักสูตรนี้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการก่อตั้งหรือไม่ หรือสุดท้ายเป็นเรื่องของการใช้เส้นสายหรือเป็นเรื่องตั๋วชนิดหนึ่ง และต้องตรวจสอบว่ามีการจ่ายเงินหรือไม่ หรือมีการรับสินบน ทุจริตคอร์รัปชันด้วยหรือไม่ หากเป็นเข้าข่ายก็ต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายกับคนที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้
นายรังสิมันต์ ยังฝากถึงตำรวจที่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ส่งข้อมูลให้ตนฝ่ายเฟซบุ๊กหรืออีเมล์ และยอมรับว่ากรณีการซื้อขายตั๋วใช้เงินสด อาจจะทำให้ตรวจสอบได้ยาก แต่ในความเป็นจริงหากมีหลักฐานอื่นที่สามารถใช้ได้ก็ยินดีรับและลุยตรวจสอบเต็มที่ พร้อมย้ำว่าหากต้องการให้ตำรวจเกิดความเสมอภาค เท่าเทียม ซึ่งตำรวจชั้นผู้น้อยก็จบปริญญาตรี และมีวุฒิการศึกษาหลายอย่าง ส่วนตัวเชื่อว่ามีคุณสมบัติไม่ได้ต่างจากคนที่ผ่านหลักสูตร กอส. แต่ตำรวจชั้นประทวนไม่เคยได้รับโอกาส แต่กลายเป็นว่าต้องรอโอกาสจนถึงอายุ 53 ปี ถึงจะได้ติดยศเป็นนายร้อย หากการรวบรวมหลักฐานสามารถเอาผิดกับการเรียกรับเงินได้ก็จะดำเนินการ
นายรังสิมันต์ยังกล่าวถึงการตั้งข้อสังเกตว่าเรื่องนี้ยิ่งกว่าตั๋วช้าง ว่ากรณีนี้อาจเป็นอีกแบบหนึ่งของตั๋วช้าง แต่ตั๋วช้างมีจำนวนไม่เยอะ แต่เรื่องนี้คือตั๋วชนิดหนึ่ง และอ้างอิงว่าหลักสูตรนี้ที่เปิดรับคน ไม่ได้มีเพียงพ่อค้า แม่ค้า เจ้าสัว ที่เห็นหน้าตาในสังคม แต่บางทีอาจเป็นพวกเว็บพนันหรือเว็บผิดกฎหมายส่งคนของตัวเองมาเป็นตำรวจ และเป็นสายตำรวจ ซึ่งสุดท้ายก็จะทำให้ไม่สามารถปราบปรามอาชญากรรมได้ พร้อมย้ำว่าสิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาเรื้อรังที่เกิดขึ้นในวงการตำรวจ
หากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลสิ่งสำคัญคือการปฏิรูปตำรวจทั้งระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งยอมรับว่าเรื่องนี้จะต้องใช้เวลา รับฟังความคิดเห็นอีกทั้งล่าสุดก็เพิ่งมีการแก้ พรบ.ตำรวจแห่งชาติไป แต่พรรคก้าวไกลเห็นว่ายังมีปัญหาอยู่ โดยเฉพาะการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม ส่วนในระยะสั้นก็จะต้องสร้างความโปร่งใส ให้เกิดความน่าเชื่อถือ และต้องตอบคำถามให้ได้เวลาที่มีการแต่งตั้งโยกย้าย ว่าใครควรได้ตำแหน่งหรือไม่ควรได้ ก่อนทิ้งท้ายว่าต่อไปนี้ในยุครัฐบาลก้าวไกล กำลังขาที่ตำรวจมีจะต้องใช้ในการจับโจร ไม่ใช่ใช้เพื่อวิ่งหานายอีกต่อไป