ราชกิจจาฯ ประกาศข้อกำหนดกระทรวงทรัพฯ ให้กำแพงกันคลื่น ต้องมีการจัดทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA มีผลบังคับใช้แล้ว
…
จากในช่วงที่ผ่านมา มีประเด็นปัญหาในการสร้างกำแพงหรือเขื่อนกันคลื่นตามชายหาดต่าง ๆ ที่ไม่ได้มีข้อกำหนดให้ต้องดำเนินการทำการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้ในหลาย ๆ พื้นที่มีการสร้างเขื่อน หรือ กำแพงกันคลื่นบริเวณชายหาดหลายแห่ง จนกลายเป็นข้อร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงความเหมาะสมและปัญหาที่เกิดขึ้นภายหลังจากการสร้างกำแพงกันคลื่นตามชายหาดหลายแห่งของไทย
ล่าสุด เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๖
ซึ่งมีการแก้ไขเพิ่มเติมถึง โครงการ กิจการ หรือการดำเนินการที่จะต้องมีการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยกำหนดให้ การก่อสร้าง หรือขยายสิ่งก่อสร้างบริเวณทะเล ที่จะต้องมีการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพิ่มเติม คือ
- รอดักทราย เขื่อนกันทรายและคลื่น ทุกขนาด
- รอบังคับกระแสน้ำ
- แนวเขื่อนกันคลื่นนอกฝั่งทะเล
- กำแพงติดแนวชายฝั่งทะเล
อย่างไรก็ตาม ประกาศฉบับนี้แม้ว่าจะมีผลบังคับใช้นับตั้งแต่มีการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาแล้ว แต่ก็ยังยกเว้นไม่ให้มีผลบังคับใช้กับโครงการ ที่ได้รับการดำเนินการจัดสรรงบประมาณไปแล้ว บประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567
ซึ่งในประเด็นที่เกิดขึ้นนี้ ถือเป็นประเด็นที่สำคัญ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา ตัวแทนเครือข่าย ชายหาด 91 องค์กรทั่วประเทศ ยื่นหนังสือข้อเรียกร้องต่อ นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล เพื่อทวงคืนชายหาดจากการก่อสร้างกำเเพงกันคลื่น โดยระบุว่า การดำเนินการในการป้องกันชายฝั่งที่ผ่านมาของรัฐบาลนั้น สร้างปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยในช่วงก่อนปี 2556 เคยมีการกำหนดให้มีการทำ EIA และมีการยกเลิกในปี 2556 ส่งผลให้มีโครงการก่อสร้างเขื่อน หรือกำแพงกันคลื่นเป็นจำนวนมาก และกลายเป็นปัญหาที่มีผลกระทบจากโครงการที่เกิดขึ้นในหลายโครงการด้วยกัน