วันนี้ (30 พฤษภาคม 2566) ที่ ทำการพรรคเสรีรวมไทย ซอยบางขุนนนท์ 24 เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ กลุ่มผู้เสียหาย เดินทางนำหลักฐานเข้าร้องเรียนต่อพลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และคณะทำงานด้านกฎหมาย ของพรรค เพื่อขอความช่วยเหลือหลังตกเป็นเหยื่อ โดนมิจฉาชีพทำบริษัททัวร์ อ้างว่า สามารถส่งไปทำงานในต่างประเทศอย่างถูกต้อง แต่กลับกลายเป็นผีน้อย แต่เมื่อจ่ายเงินไปแล้ว กลับไม่ได้เดินทางจริง ซ้ำยังถูกบริษัททัวร์ดังกล่าวใช้นักกฎหมายมาฟ้องกลับ
นางสาวเอ ตัวแทนผู้เสียหาย กล่าวว่า เมื่อข่วงเดือนพฤศจิากยน 2565 ตนและผู้เสียหายรายอื่นไปเจอเฟซบุ๊กของหญิงสาวรายหนึ่งชื่อ โพสต์ข้อมูลขายตั๋วทัวร์เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น พร้อมรับประกันว่ามีงานให้ทำแบบถูกกฎหมาย ลักษณะงานเป็นงานเกษตรกร ทำสวน ที่สวนผัก รายได้เฉลี่ยวันละ 8,000 เยน หรือ 2,000 บาท จึงสนใจ และติดต่อทักไปหาคนที่โพสต์ จากนั้นก็ได้มีการพูดคุยถึงรายละเอียดการทำงาน
ด้านตนและผู้เสียหายรายอื่นจึงได้มีการตรวจสอบ และพบว่าเป็นบริษัทที่เปิดขึ้นจริง มีการเสียภาษีจริง จึงหลงเชื่อและตัดสินใจโอนเงินให้ โดยทางมิจฉาชีพแจ้งว่าเป็นค่าตั๋วเครื่องบินและค่านายหน้าหางาน หลังจากโอนเงินก็ได้แจ้งนัดวันเพื่อที่จะเดินทาง แต่กลับถูกเลื่อนวันการเดินทางถึง 2 ครั้ง โดยอ้างว่ามีคนแจ้งเจ้าหน้าที่ ตม. และกรมแรงงานว่าจะมีการพาคนไทยไปทำงานผิดกฎหมายที่ประเทศญี่ปุ่น จึงยับยั้งการเดินทางออกไปก่อน ก่อนที่จะยื่นข้อเสนอให้ผู้เสียหายเป็น 2 ข้อ คือคนที่จะไปต่อก็จัดเดินทางอีกครั้ง ส่วนคนที่ไม่ไปต่อจะคืนเงินให้
สำหรับกลุ่มคนที่ไม่ต้องไปไปต่อก็พยายามติดต่อขอเงินคืน แต่ก็ถูกผลัดวันออกไปเรื่อยๆ โดยใช้ข้ออ้างต่างๆ บ่ายเบี่ยงตลอด ส่วนกลุ่มคนที่มีความต้องการที่จะไปต่อ ก็ถูกเรื่อยเที่ยวบินออกไป ไม่ได้เดินทางจริง จึงรู้สึกถึงความผิดปกติ ก่อนจะรวมตัวกันติดต่อไปยังมิจฉาชีพคนดังกล่าวเพื่อขอเงินคืน แต่ปัจจุบันก็ยังไม่ได้เงินคืนแม้แต่บาทเดียว ซึ่งที่ผ่านมาตนและผู้เสียหายเคยไปร้องเรียนผ่านสื่อและเพจดังต่างๆ แต่ก็ไม่มีความคืบหน้ามานานกว่า 3 เดือน
นอกจากนี้ ยังถูกมิจฉาชีพฟ้องกลับในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เนื่องจากข้อความบางส่วนที่กลุ่มผู้เสียหายคุยกันในไลน์กลุ่ม มีการพาดพิงถึงมิจฉาชีพคนดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติของมิจฉาชีพพบว่าเคยถูกดำเนินคดีในลักษณะดังกล่าวเมื่อปี 2563 ที่จังหวัดลำปาง และการดำเนินการของมิจฉาชีพรายนี้ มีชื่อผู้ร่วมดำเนินการทั้งหมด 3 คน แต่กลุ่มผู้เสียหายเชื่อว่ามิจฉาชีพคนนี้กระทำโดยเพียงคนเดียว เพราะจากเสียงที่เคยพูดคุยกัน มีเสียงคล้ายกันเป็นผู้ชายอายุประมาณ 30 ปี
การมาร้องเรียนในครั้งนี้ เพื่อต้องการเงินทั้งหมดของตนเองและผู้เสียหายคนอื่นคืน รวมถึงต้องการให้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับมิจฉาชีพคนดังกล่าวเพื่อไม่ให้ไปกระทำแบบนี้ซ้ำกับผู้เสียหายรายอื่นอีก
พลตำรวจเสรีพิศุทธ์ ระบุว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวไว้แล้ว และมอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคฯ รวบรวมพยานหลักฐานของผู้เสียหายรายอื่นๆ ให้ได้มากที่สุด และจะประสานไปยัง สถานีตำรวจต่างๆ ในแต่ละพื้นที่ ที่ผู้เสียหายได้แจ้งความไว้ เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี และเมื่อได้พยานหลักฐานที่เพียงพอ ก็จะส่งต่อให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้ช่วยเหลืออีกแรงด้วย
ภาพ – วิชาญ โพธิ