วันนี้ (26 พ.ค.66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล และนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ว่าที่ ส.ส. รับหนังสือจากจากเครือข่ายสุรา นายกสมาคมสุราท้องถิ่นไทย , ประธานเครือข่ายสุราแห่งประเทศไทย และตัวแทนสมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจคราฟท์เบียร์ (สมาคมฯคราฟท์เบียร์)
นายพิธา กล่าวว่า วันนี้มารับหนังสือจากเครือข่ายสุรา เกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกล และการผลักดันนโยบายสุราก้าวหน้า ที่เคยหาเสียงไว้กับประชาชน พร้อมขอบคุณ และให้เครดิตภาคประชาสังคม ประชาชน คนที่อยู่ในวงการ ทั้งสุราไทย สุราพื้นบ้าน และคราฟเบียร์ ที่เห็นตรงกันกับพรรคก้าวไกล อยากจะเปลี่ยนสินค้าการเกษตรจากโภคภัณฑ์ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ ในการที่จะทำนโยบายวัฒนธรรมสืบสานประเพณีต่างๆ ไม่ว่าจะ แป้งหมัก สาโท ที่เป็นส่งหนึ่งของวัฒนธรรมไทย ที่ป็นนโยบายเศรษฐกิจและนโยบายท่องเที่ยว ทำให้ไทยมีความหลากหลายและทำให้คนทั่วโลกรู้จักเข้าใจถึงศักยภาพของสินค้าไทย ยกเครดิตให้กับนายเท่าพิภพที่เคยอยู่ในวงการคราฟท์เบียร์ด้วยตนเอง และนำสิ่งที่เคยโดนถูกกฎหมายจับมา เป็นแรงผลักดัน และเป็นคนแก้กฎหมายเสียเอง
โดยนายพิธา ยืนยันนโยบายนี้เป็นการเพิ่มผู้ผลิตมากกว่าผู้บริโภค เกิดการกระจายรายได้ และโอกาส ก็ต้องมีการแก้กฎหมายและส่งเสริมในเรื่องของการผลิตและสาธารณสุข การส่งออก การท่องเที่ยว และการเรียนรู้ เป็นนโยบายเศรษฐกิจหนึ่งของพรรคก้าวไกล ทำให้สินเกษตรตั้งแต่เหนือจนใต้ ซ้ายจนขวา เพิ่มมูลค่า
ด้านนายสมบุรณ์ แก้วเกรียงไกร นายกสมาคมสุราท้องถิ่นไทย ระบุว่านโยบายนี้ เป็นความหวังของผู้ผลิตรายย่อยทั่วประเทศ ซึ่งสุราในประเทศไทยตั้งแต่มีกฎหมาย ปี 2493 เป็นของกลุ่มนายทุนผูกขาดแค่ 2 องค์ใหญ่ๆ ตลาด 470,000 ล้าน อยู่ใน 2 กลุ่มนี้ เมื่อพรรคก้าวไกลต้องการทลายกลุ่มผูกขาด ผู้ผลิตสุราชุมชนรายน้อยก็โดนใจนโยบายนี้ เพราะที่ผ่านมาไม่มีรัฐบาลไหนสนับสนุน และไม่มีพรรคไหนพูดชัดเจนว่าจะทำสุราก้าวหน้า และทำลายกลุ่มนายทุนถูกขาด วันนี้จึงมาอ้อนวอน สว. ช่วยสนับสนุนให้พรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ คิดว่าคงสำเร็จได้ ไม่มีปัญหาและจะเป็นโอกาสให้เกิดอาชีพสำหรับคนกลุ่มน้อย
นายศุภพงษ์ พรึงลำภู ตัวแทนสมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจคราฟท์เบียร์ (สมาคมฯคราฟท์เบียร์) กล่าวว่า เราร่วมกันทำงานมาแล้วกว่า 3 ปี ช่วงที่เป็นฝ่ายค้าน หากพรรคก้าวไกลมีความจริงใจมีที่จะแก้ปัญหา การเข้าถึงใบอนุญาตที่ยากเกินหรือที่เรียกว่าการผูกขาด เพราะจำหน่ายผู้ผลิตคาฟท์เบียร์ในไทยตลาดมูลค่า 2 แสนล้าน ซึ่งตั้งแต่หลังเลือกตั้ง ตนได้รับโทรศัพท์ทุกวัน มีคนมาถามจะจัดตั้งโรงเบียร์ขนาดเล็กได้เมื่อไร เป็นการสร้างความตื่นตัว ทุกคนที่มาถามไม่ได้ต้องการเป็นเจ้าสัวต่อไป แต่ต้องการมีโรงเบียร์เล็กๆในพื้นที่และสร้างผลิตภัณฑ์ของตัวเอง จึงขอเรียกร้องให้ทุกคนช่วยกันสนับสนุนกับพรรคก้าวไกลให้จัดตั้งรัฐบาลได้โดยเร็วไม่ว่าจะเป็นสว.ผู้ที่มีวุฒิภาวะ หรือ สส.ฝ่ายค้าน เพื่อที่กฎหมายควบคุมแอลกอฮอล์จะได้ยึดโยงกับประชาชนและเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
ส่วนสังคมตั้งคำถามว่า พรรคก้าวไกลไม่สนับสนุนกัญชา แต่กลับสนับสนุนสุรา ซึ่งเป็นสินค้าอบายมุขเหมือนกัน นายพิธา กล่าวว่า ทั้ง 2 สิ่งมีทั้งประโยชน์ และโทษ เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรเสรีจริง เราจึงต้องใช้คำว่า สุราก้าวหน้า ในเรื่องกัญชาเช่นเดียวกัน ต้องควบคุมให้เหมาะสม เราไม่ต้องการให้เกิดบริโภคมากขึ้นภายในประเทศ แต่ต้องการเพิ่มมูลค่า มีราคาสูงกว่าแอลกอฮอล์ทั่วไป และหาได้ตามร้านสะดวกซื้อ ถ้าคิดว่าเป็นการมอมเมา เข้าร้านสะดวกซื้อ ซื้อเบียร์ไม่กี่กระป๋อง ก็ราคาถูกกว่า เราต้องการเพิ่มทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยวที่มาในประเทศไทยมีอะไรที่ยึดโยงกับพื้นที่ในการที่จะได้รับอรรถรสมากขึ้น
รวมถึงการเป็นผู้นำส่งสินค้าเหล่านี้ไปยังต่างประเทศมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หรือ เวลามีการจัดประชุมใหญ่ๆ ผู้นำต่างประเทศมาประชุมที่ไทยไม่ต้องใช้ไวน์ของต่างประเทศ เราสามารถใช้สุราของคนกลุ่มนี้ ทั้งเรื่องเล่า คุณภาพต่างๆ เพื่อให้ผู้นำรู้ถึงศักยภาพของวัตถุดิบไทยและฝีมือความคิดสร้างสรรค์ของคนไทย
เมื่อถามถึงขั้นตอนการแก้ไขกฎกระทรวงที่ประกาศใช้ก่อนผ่าน พ.ร.บ.สุราก้าวหน้านั้น นายพิธา อธิบายว่ากฎกระทรวงเป็นของกระทรวงการคลังต้องนำไปแก้ไขให้ยกเลิกการกีดกันด้านทุนจดทะเบียน แรงม้า รวมถึงเรื่องอื่นๆ และทำให้การผลิตมีความเท่าเทียม ส่วน พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ต้องพิจารณาอีกครั้ง
เพราะกฎกระทรวงสามารถแก้ไขไปมาได้ด้วยอำนาจของนายกรัฐมนตรี แต่ก็ต้องหารือกันในคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกที
ทั้งหมดเป็นเพียงกระดุมเม็ดแรก กระดุมเม็ดถัดมาคือ กฎหมายห้ามโฆษณา เรื่องใบอนุญาต จากนั้นต้องค่อย ๆ ทำให้สู่ระบบการค้าของโลกให้ได้ มีเรื่องของสาธารณสุข เรื่องการทำแบรนด์และบรรจุภัณฑ์ และการทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ดังนั้น ทุกกระทรวงมีหน้าที่หมด ทุกกระทรวงมีหน้าที่ทำให้อุตสาหกรรมทางการเกษตรที่ไม่เคยเกิดขึ้นนี้ ได้เกิดขึ้นจริงสักที
สำหรับนโยบายสุราก้าวหน้า สามารถดำเนินการได้ภายใน 100 วันแรกหลังเป็นรัฐบาล จากนั้นต้องอาศัยการบูรณาการระหว่างกระทรวงต่างๆ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำที่ต้องทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะในระดับจังหวัด ซึ่งต้องหารือกันว่าแต่ละพรรคร่วมรัฐบาลจะมีแนวทางสนับสนุนอย่างไร โดยเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง
ภาพ – ธนโชติ ธนวิกรานต์