คัดลอก URL แล้ว
เปิดขั้นตอน กกต. วินิจฉัยคุณสมบัติ “พิธา” ปมถือหุ้นสื่อ

เปิดขั้นตอน กกต. วินิจฉัยคุณสมบัติ “พิธา” ปมถือหุ้นสื่อ

ปมวินิจฉัยคุณสมบัติ “พิธา” ถือหุ้นสื่อ ไอทีวี ยังคงเป็นที่ติดตาม หลัง ‘เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ’ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า พบพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดทนายกฯของพรรค ถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น ซึ่งสถานะนิติบุคคลยังดำเนินกิจการอยู่ มีรายได้ปี 2565 รวม 21 ล้านบาท จึงมีเหตุอันควรขอให้ กกต.ตรวจสอบว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าเข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) หรือไม่ และให้ตรวจสอบด้วยว่าคุณสมบัติของหัวหน้าพรรค จะส่งผลต่อการเซ็นรับรองผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ทั้งแบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อ ของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) หรือไม่

ขณะที่ พิธา ยืนยันประเด็นดังกล่าวไม่มีความกังวล เพราะไม่ใช่หุ้นของตน เป็นของกองมรดก ตนเป็นเพียงผู้จัดการมรดกและได้แจ้งต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติไปนานแล้ว

สำหรับขั้นตอนการตรวจสอบนั้น ทีมข่าวสรุปขั้นตอนจากการที่นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชี้แจง เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ที่ผ่านมา และจากการรวบรวมเพิ่มเติม สรุปได้ ดังนี้

  1. เมื่อมีคำร้องเรียนแล้ว ทาง กกต. จะต้องตรวจสอบก่อนว่าเป็นไปตามระเบียบ มีน้ำหนักหรือไม่ หากเป็นไปตามระเบียบและมีน้ำหนัก ก็จะมีมติรับคำร้อง
  2. จากนั้นเมื่อมีมติรับคำร้องแล้ว คณะกรรมสอบสวนจะดำเนินการสืบสวน ไต่สวน ให้ผู้ร้องและให้ผู้ถูกร้องมาชี้แจง
  3. จากนั้นเมื่อแล้วเสร็จเลขาธิการ กกต. และคณะอนุกรรมการวินิจฉัยเรื่องร้องเรียนก็จะกลั่นกรองให้ความเห็นและพิจารณาว่า เรื่องดังกล่าวเข้าระเบียบหรือไม่ ซึ่งหากเข้าระเบียบ ก็จะเสนอ กกต. วินิจฉัยต่อไป
  4. จากนั้น กกต. พิจารณา หากเห็นว่าเข้าลักษณะต้องห้ามจริง ก็จะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป

ซึ่งสำหรับแนวทางในการพิจารณาเรื่องนี้ หากทางกกต. มีมติว่านายพิธามีลักษณะต้องห้าม จะต้องทำหลังจาก กกต.ประกาศรับรองนายพิธาเป็นส.ส.แล้ว ระหว่างนี้จึงเป็นขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐาน สืบสวนสอบสวนตามขั้นตอนของระเบียบกกต. ต่อไป


ข่าวที่เกี่ยวข้อง