การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 32 ที่ประเทศกัมพูชาได้จบลงไปแล้ว โดยผลงานของทัพนักกีฬาไทยถือว่า ทำผลงานได้อยู่ในเกณฑ์ โดย ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทยได้เปิดเผยสรุปผลงานของทัพนักกีฬาไทยในซีเกมส์ครั้งนี้
โดยฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ การกีฬาแห่งประเทศไทย ได้รายงานว่า ในภาพรวมนั้น นักกีฬาของไทยนั้น สามารถคว้าเหรียญทองได้เป็นอันดับที่ 2 จำนวนทั้งหมด 108 เหรียญทอง ส่วนอันดับหนึ่งเป็นของประเทศเวียดนาม มีจำนวน 136 เหรียญทอง (มากกว่า 28 เหรียญทอง)
ทางด้านของ ดร.ก้องศักด ระบุว่า ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ หากพิจารณาในส่วนของกีฬาสากลนั้น ประเทศไทยได้อันดับ 1 จำนวน 54 เหรียญทอง ส่วนเวียดนามอยู่ดันดับที่ 2 เหรียญทอง 52 เหรียญทอง ส่วนอันดับที่ 3 เป็นของอินโดนีเซีย 35 เหรียญทอง
สำหรับเจ้าภาพกัมพูชานั้น สามารถเก็บเหรียญทองในกีฬาสากลได้ 10 เหรียญทอง
สำหรับประเทศไทยนั้นพบว่า ผลงานของทัพนักกีฬาไทยนั้น
- ได้เหรียญทองสูงกว่าเป้าหมาย 8 ชนิดกีฬา
- ได้เหรียญทองตามเป้าหมาย 20 ชนิดกีฬา
- ต่ำกว่าเป้าหมาย 14 ชนิดกีฬา
- และมี 9 ชนิดกีฬาไม่ได้เหรียญทอง
โดยในการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่ผ่านมานั้นพบปัญหาและอุปสรรคจากการแข่งขันที่เราพบ ได้แก่
- สนามฝึกซ้อมไม่เพียงพอ และไม่ได้หลายชนิดกีฬา
- ที่พักในหมู่บ้านนักกีฬาไม่เหมาะสม โดยเฉพาะนักกีฬาที่มีร่างกายสูง เช่น บาสเกตบอล
ในขณะที่ นายธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้าคณะนักกีฬาไทย ชุดสู้ศึกซีเกมส์ คร้ังที่ 32 ระบุว่า ในการจัดการแข่งขันซีเกมส์ในครั้งนี้ ถือว่า อยู่ในเกณฑ์ที่สอบผ่าน แต่ยังต้องปรับปรุงเรื่องของการจัดการแข่งขันให้เป็นมาตรฐาน
ซึ่งในการแข่งขันหลายชนิดกีฬาต้องยอมรับว่า ยังคงมีปัญหา เนื่องจากทางเจ้าภาพกัมพูชาไม่เคยมีประสบการณ์แข่งขันระดับนานาชาติ ทำให้เรื่องการตัดสินก็มีการประท้วงกันบ่อยครั้ง พอมีการประท้วงคำตัดสินให้เหรียญทองทั้งคู่ หลาย ๆ ชาติก็ได้แสดงความไม่พอใจในเรื่องนี้เท่าใดนัก รวมถึงปัญหาอื่น ๆ เช่นการจับเวลาการแข่งขัน สกอร์บอร์ด เป็นต้น
