คัดลอก URL แล้ว
“ธนกร” ลั่น ไม่ยกมือให้ “พิธา” เป็นนายกฯ

“ธนกร” ลั่น ไม่ยกมือให้ “พิธา” เป็นนายกฯ

KEY :

วันนี้( 16 พฤษภาคม 2566) ที่ ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อวานตนได้ขึ้นไปพบ และให้กำลังใจ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี ซึ่งท่านก็อารมณ์ดีไม่มีความเครียดอะไร เราก็ต่างให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ส่วนการจัดตั้งรัฐบาลก็เป็นไปตามกลไกไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น

ผู้สื่อข่าวถามถึงความชัดเจนอนาคตทางการเมืองของ พลเอกประยุทธ์ นายธนกร ย้ำว่า เมื่อสุดท้ายแล้วมีการจัดตั้งรัฐบาลได้ พลเอกประยุทธ์ ก็คงจะวางมือและพักผ่อน เพราะทำงานให้ประเทศมายาวนายตั้งแต่รับราชการทหาร และในช่วงที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็ได้สร้างคุณประโยชน์ความดีให้กับประเทศมากมาย

ซึ่งตนก็เชื่อว่าประชาชนคนไทยได้เห็นกับสิ่งที่พลเอกประยุทธ์ทำให้ ไม่ว่าอย่างไรก็ท่านจะอยู่ในใจคนไทยทั้งประเทศ ท่านไม่ได้ไปไหนเลยตลอดระยะเวลา 7-8 ปี แล้วตอนก็จะมีโอกาสได้ชวนท่านไปพักผ่อนบ้าง แต่ยืนยันว่าส่วนตัวจะยังคงอยู่ในเส้นทางการเมือง และถ้ามีอะไรก็จะไปปรึกษาท่าน

ส่วนพลเอกประยุทธ์จะลาออกจากตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่นั้น ตนไม่มั่นใจ แต่ไม่ว่าอย่างไรพรรครวมไทยสร้างชาติก็คงต้องอยู่ต่อไป เพราะมี ส.ส.ถึง 36 คน ฉะนั้นการทำงานในพรรคหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค พวกเราก็ยังสามารถทำงานด้วยกันได้ไม่มีปัญหาอะไร เราก็ยังทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาลได้

ทั้งนี้นายธนกร ฝากไว้ว่าการจัดตั้งรัฐบาลเพิ่งเริ่มต้น ตนเห็นบรรยากาศคนที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ควรมีวุฒิภาวะมากกว่านี้ ไม่ควรพูดจาเหน็บแนม หรือกระแนะกระแหนผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ส.ส.ลูกพรรคก็ไม่ควรเข้าร่วมหน่วยงานบางหน่วยงานโดยใช้วาจาที่ไม่เหมาะสม เพราะการเลือกตั้งผ่านมาแล้ว ฉะนั้นหน่วยงานทหารต่าง ๆ ก็ไม่ควรไปกรุเรื่องว่าจะเกิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ เพราะว่ามันไม่จริง

ซึ่งวันนี้ท่านกำลังจะเป็นรัฐบาลก็ควรมีวุฒิภาวะที่มากกว่านี้ ไม่ควรไปพูดจาว่าร้ายหน่วยงานรัฐ พร้อมย้ำว่าตน พร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้านและให้เกียรติว่าที่รัฐบาล ซึ่งการเมืองก็ควรว่ากันไปไม่ควรสร้างวาทกรรมให้เกิดความขัดแย้ง โดยฝ่ายศาลและฝ่ายรัฐบาลทำงานร่วมกันได้ เพียงแต่มีคนละบทบาทหน้าที่

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า พี่คิดว่าพลเอกประยุทธ์จะวางมือ ภายหลังจากได้รัฐบาลใหม่ใช่หรือไม่ นายธนกร ระบุว่า พลเอกประยุทธ์ ไม่ได้พูดตนแค่คิดเองว่าเมื่อท่านไม่ได้อยู่ในจุดนี้ท่านก็ควรมีเวลากับครอบครัวเหมือนประชาชนคนไทยปกติ ซึ่งตนได้พูดกับพลเอกประยุทธ์ว่ายินดีจะทำงานให้ตลอดชีวิตเพราะท่านมีความเมตตากับผม พร้อมย้ำว่าที่ได้พูดคุยกับพลเอกประยุทธ์ท่านอารมณ์ดีมาก เพราะการเมืองมันเป็นอย่างนี้อยู่แล้วมีแพ้มีชนะ

อย่างไรก็ตามนายธนกร ระบุว่า ประชาชนควรให้รัฐบาลใหม่ได้แสดงฝีมือ เพราะเราก็เห็นตัวอย่างมาแล้วในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่ได้รับคะแนนท่วมท้นเหมือนกัน แล้วสุดท้ายเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นวันนี้เราต้องให้เกียรติประชาชน เมื่อเลือกพรรคก้าวไกลมาเยอะ ก็ต้องให้เขาแสดงฝีมือบริหารประเทศ นโยบายหลายอย่างก็ทำไป

ทั้งนี้เมื่อถามว่าการจัดตั้งรัฐบาล 310 เสียงจะมีความเข้มแข็งพอหรือไม่ นายธนกร ระบุว่า รัฐบาล 300 กว่าเสียงย่อมไปได้อยู่แล้ว แต่ตนวิเคราะห์ว่ายังพอมีเวลาอยู่ พรรคเพื่อไทยแพ้แค่ 10 เสียงเอง เขาคงให้โอกาสพรรคที่ชนะก่อน เพราะถ้าตั้งไม่ได้พรรคอันดับ 2 ก็ตั้งได้ เหมือนรัฐบาลที่ผ่านมา แล้วตนเชื่อว่าพรรคการเมืองทุกพรรคก็ต้องคิดไปถึงสิ่งที่เป็นอันตรายต่อประเทศ เขาไม่น่าจะไปสุด ซึ่งยังมีเวลาอีก 2-3 เดือนในการจัดตั้งรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าถ้าการเลือกตั้งในสภาไม่ได้ พรรคเพื่อไทยจะจัดตั้งรัฐบาลใช่หรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ไม่ขอไปกล่าวล่วงพรรคเขา แต่เรา 36 เสียงก็พร้อมที่จะทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ก็รอให้เขาจัดตั้งไปก่อนไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่ และ ส.ว.ฉะนั้นอย่าไปดูแคลนท่านมากเกินไป

“ส.ว. ท่านก็มีหัวจิตหัวใจ บางทีไปดูแคลนเขามากเกินไป แล้วอยู่ๆจะให้เขาช่วยโหวตให้ ผมคิดว่ามันก็ต้องดู”

เมื่อถามถึงกระแสขอให้พรรคการเมืองสนับสนุนให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีมีความเป็นไปได้หรือไม่ นายธนกร ถามกลับว่าทำไมตนต้องยกมือให้ ผมไม่ได้เห็นด้วยกับนโยบายของท่านหนิ ผมเป็นหนึ่งใน 36 เสียงที่ไม่ได้เห็นด้วยกับท่านตั้งแต่แรก ฉะนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะไปยกมือให้ท่าน พร้อมยามว่าท่านก็ตั้งให้ได้แล้วกัน ผมก็คิดว่าท่านก็ตั้งได้ แต่สุดท้ายจะได้หรือไม่ได้ 2-3 เดือนก็รู้ ซึ่งที่ผ่านมาพรรคพวกฝ่ายค้านก็สามารถตั้งได้ พรรคอันดับ 1 ตั้งไม่ได้อันดับ 2 ใครรวมเสียงข้างมากได้ก็ตั้งรัฐบาลไปก็เท่านั้นเอง

ส่วนประเด็นหากพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นอันดับ 2 จัดตั้งรัฐบาล พรรครวมไทยสร้างชาติจะไปอยู่ในสมการนี้หรือไม่ นายธนกร ระบุว่า เรื่องนี้ตนตอบแทนพรรคไม่ได้ แต่ก็คิดว่าพรรคที่ได้อันดับ 2 มีโอกาสจะตั้งรัฐบาล เพราะจากที่ดูแถลงการณ์ต่าง ๆ ยังไม่เห็นชัดเลยว่าจะไปด้วยกันได้ ต้องดูเงื่อนไขและ MOU ก่อน เพราะถ้าเงื่อนไขและ MOU มันไปด้วยกันไม่ได้ แล้วมันจะไปต่อได้อย่างไร แต่ขอย้ำว่าตนไม่ขอไปก้าวล่วงฝ่ายที่มีเสียงข้างมากก็ให้ว่ากันไป พวกผมได้เสียงมาไม่เยอะก็ว่ากันไป


ภาพ – วิชาญ โพธิ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง