คัดลอก URL แล้ว
Thailand Next Move : พรรคประชาธิปัตย์ เปิดวิสัยทัศน์ ค่าแรง –

Thailand Next Move : พรรคประชาธิปัตย์ เปิดวิสัยทัศน์ ค่าแรง –

เปิดวิสัยทัศน์แนวนโยบายที่สำคัญจากตัวแทน 8 พรรคการเมือง ที่มาร่วมเวทีดีเบต Thailand Next Move : ก้าวต่อไป Thailand เมื่อวันที่ 5 พ.ค. ที่ผ่านมา ผ่านทางช่อง Mono 29 ซึ่งทางด้านของพรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้นายพิสิฐ ลี้อาธรรม ประธานกรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ มาเป็นตัวแทนในการขึ้นดีเบตในครั้งนี้

ดีเบตเลือกตั้ง 2566 – “ค่าแรง”

ในช่วงแรกของการดีเบตนั้น พรรคประชาธิปัตย์ได้รับโจทย์เกี่ยวกับ “ค่าแรง” ซึ่งนายพิสิฐ ลี้อาธรรม ประธานกรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้ขึ้นมาแสดงวิสัยทัศน์ว่า

ปัญหาค่าแรงยึดโยงกับเงินเฟ้อ พรรคจะดูแลเงินเฟ้อ ข้าวของต้องไม่แพงเกินไป ซึ่งเป็นผลกระทบจากวิกฤติน้ำมันแพง รัฐบาลต้องเข้าไปดูแลไม่ให้ค่าครองชีพสูงขึ้น

ค่าแรงขั้นต่ำนั้น ความเป็นจริง 300 – 400 บาท วันนี้อยู่ไม่ได้ แต่เราต้องส่งเสริมให้ทั้งนายจ้างและลูกจ้างไปได้ด้วยกัน โดยการให้สิทธิประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

แต่ที่เราไม่ประกาศตัวเลขเพราะอยู่ในกฎหมาย และการพิจารณาของคณะกรรมการไตรภาคี ที่มีหน้าที่กำหนด หากเราประกาศตัวเลขจะเท่ากับแทรกแซง

อย่างไรก็ตาม จะเสริมฐานะลูกจ้างให้ต่อรองได้มากขึ้น รวมทั้งส่งเสริมการเรียนรู้ใหม่ ๆ รีสกิล อัพสกิล เพิ่มประสิทธิภาพแรงงาน เพิ่มศักยภาพแรงงานให้มีรายได้สูงขึ้น

ดีเบตเลือกตั้ง 2566 – “หวย”

สำหรับในช่วงที่ 2 พรรคประชาธิปัตย์ต้องขึ้นมาพูดถึงนโยบายเกี่ยวกับเรื่อง “หวย” ซึ่งถือเป็นประเด็นหนึ่งที่ร้อนแรงในช่วงที่ผ่าน โดยนายพิสิฐ ได้กล่าวถึงในประเด็นนี้ว่า

ยอมรับว่า คนเล่นคือคนจน
คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น ผมคิดว่าเป็นปัญหาของสังคม ฅทำไมคนจนถึงต้องมาเล่นหวย เงินที่หาได้ไม่มากนัก แต่ก็นำมาใช้ในส่วนนี้เยอะพอสมควร เมื่อเทียบกับรายได้

ผมไม่อยากให้ท่านเอาเงินมาลงตรงนี้มากไป แม้มีความสุขในการลุ้น ฝันว่าจะได้เงินล้าน 

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นความจริงของสังคม ซึ่งเราต้องยอมรับ ที่ผ่านมา สลากกินแบ่งรัฐบาล มีการขายแบบเอาเปรียบกัน ขึ้นราคา หากำไรโดยไม่ชอบ รัฐบาลต้องจริงจัง แต่การนำระบบอิเลคทรอนิกส์เข้ามาทั้งหมด จะทำให้ผู้ค้าหวยได้รับผลกระทบ ต้องตกงาน

พรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับการเปิดบ่อนเสรี

ประเทศไทยจะเปลี่ยนไปอย่างไร

สำหรับในช่วงสุดท้ายกับคำถาม หากท่านได้เข้ามาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ ประเทศไทยจะเปลี่ยนไปอย่างไร ที่จะต้องให้ตัวแทนพรรคขึ้นมาตอบคำถามนี้ นายพิสิฐ ก็ได้ตอบถึงประเด็นนี้ว่า

ประเทศไทยต้องเปลี่ยน เราอยู่อย่างที่เป็นมาไม่ได้ เราโตปีละ 1-2% ไม่ได้ ต้วมเตี้ยมแบบนี้ไม่ได้

ต้องเปลี่ยนให้เศรษฐกิจไทยโต 4-5% ขึ้นไป เราจะได้เค้กก้อนโตขึ้น ประชาชนทั้งประเทศ จะมีโอกาสทำมาหากินได้มากขึ้น

3 ประการที่จะทำคือ ปลดล็อก ปลดล็อกฏหมาย ปลดล็อกเงินที่เราไม่ได้ทำประโยชน์ เช่น ปลดล็อกเงินที่กบข. ให้เอามาซื้อบ้านได้ เอามาลดหนี้บ้านได้ ปลดล็อกสหกรณ์ออมทรัพย์ ให้เอาหุ้นมาลดหนี้ได้ ปลดล็อกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

นอกจากปลดล็อกแล้ว เรายังมีเงินที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกองทุน SME ให้รายเล็กรายน้อยได้ลืมตาอ้าปาก ตั้งธนาคารให้หมู่บ้านได้มีเงินใช้

ทั้งหมดนี้ไม่ใช้เงินงบประมาณ ไม่ก่อหนี้สาธารณะ