คัดลอก URL แล้ว
ม.ร.ว.ทองทิศ ชี้แจงไม่เกี่ยวข้อง แก๊งปลอมเอกสาร เบิกเงิน ธนาคาร 176 ล้านบาท

ม.ร.ว.ทองทิศ ชี้แจงไม่เกี่ยวข้อง แก๊งปลอมเอกสาร เบิกเงิน ธนาคาร 176 ล้านบาท

KEY :

วันนี้ (8 เม.ย. 66) น.พ.ม.ร.ว.ทองทิศ ทองใหญ่ ได้แถลงชี้แจงกรณีถูกพาดพิงว่ามีส่วนร่วมกับแก๊งชาวกัมพูชา เชื้อสายจีน ค้ายาเสพติด ปลอมเอกสาร เบิกเงิน ธนาคาร 176 ล้านบาท ที่สำนักงาน DBN CLINIC โดยระบุว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็น หรือร่วมในการกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา แต่เป็นการถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือให้เป็นธุระช่วยติดต่อธนาคารกสิกรไทย สาขาแห่งหนึ่ง ย่านสุขุมวิท เพื่อให้ชาวจีนเชื้อสายกัมพูชาเบิกเงินจำนวน 176 ล้านบาท

เหตุเริ่มจากตนมีโครงการจัดสร้างศูนย์ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม บริเวณสะพานพระราม 7 กรุงเทพมหานคร เป็นโครงการใหญ่ที่ต้องใช้งบมาก จึงระดมหาผู้มาร่วมลงทุน ซึ่งมีคนแนะนำให้ตนรู้จักคนไทย ที่อ้างตัวเป็นนักธุรกิจ ทำธุรกิจกับกับนักธุรกิจชาวจีนเชื้อสายกัมพูชา ชื่อนายหวัง พักอยู่ในประเทศไทย สนใจลงทุนโครงการดังกล่าว ส่วนตัวไม่เคยรู้จักนายหวังโดยตรงมาก่อน

ซึ่งนายหวังและกลุ่มบุคคลอีก 3 คนที่เกี่ยวข้องแจ้งว่าเงินที่จะนำมาร่วม อยู่ในบัญชีที่เปิดไว้กับธนาคารกสิกรไทย จำนวน 176 ล้านบาท ติดปัญหาไม่สามารถถอนเงินได้ เนื่องจากสมุดบัญชีและพาสปอร์ตหาย ตนและกลุ่มที่เกี่ยวข้องอีก 3 คน ซึ่ง 1 ในจำนวนนี้มีลูกชายอดีตอธิบดีกระทรวงมหาดไทยรวมอยู่ด้วย ได้ไปปรึกษากับทางธนาคาร

โดยที่นายหวังไม่ได้มาด้วย ทางธนาคารแจ้งว่า การจะถอนเงินฝากได้ นายหวังต้องมาด้วยตนเองเพื่อเปิดบัญชีใหม่ และต้องมีพาสปอร์ตเล่มใหม่ที่ทำอย่างถูกต้อง ต่อมาอีก 3 สัปดาห์ ตนได้รับการติดต่อจากคนรู้จักกลุ่มเดิมให้ร่วมเดินทางไปที่ธนาคาร ซึ่งนายหวังจะเดินทางมาเจอกันที่นั่น เมื่อถึงธนาคาร นายหวังได้ยื่นเอกสารทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่ธนาคารตรวจสอบ เวลาผ่านไปพักใหญ่ เจ้าหน้าที่ธนาคารบอกว่า พาสปอร์ต และตราประทับการเข้าเมืองเป็นของปลอม ในเวลาเดียวกันนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ ประมาณ 20 นายได้เข้าควบคุมตัวนายหวัง

รวมทั้งตนและพวก ไปที่โรงพักเพื่อดำเนินคดี ในกรณีที่ถูกตำรวจ สน.ทองหล่อตั้งข้อหา “ร่วมกันพยายามลักทรัพย์ และใช้ตราสัญลักษณ์ปลอม” ตนต้องต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม โดยยืนยันว่าเพิ่งเจอกับนายหวังเพียง2 ครั้งเท่านั้น

ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า ถูกดำเนินคดีเรื่องอุ้มบุญ น.พ. ม.ร.ว.ทองทิศ ทองใหญ่ ระบุว่า ไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาขอตรวจสอบที่คลินิกแล้ว ตนยินดีให้ความร่วมมือทุกอย่าง พร้อมส่งเอกสารหลักฐานตามที่เจ้าหน้าที่ร้องขอทั้งหมดไป ซึ่งตำรวจก็ไม่ได้ตั้งข้อหาเรื่องการทำอุ้มบุญผิดกฎหมาย จึงขอชี้แจงให้สังคมได้เข้าใจ


ภาพ – กฤติกร จิตติอร่ามกูล


ข่าวที่เกี่ยวข้อง